เด็กวัยเรียน 6-14 ปี 8.8 % มีภาวะเตี้ย กรมอนามัย ชวนพ่อแม่ ผู้ปกครองส่งเสริมให้เด็กดื่มนมรสจืดวันละ 2 แก้วและกินไข่วันละ 1 ฟองทุกวันร่วมกับการกระโดดโลดเต้น 60 นาที และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 9-11 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มความสูงได้
วันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันดื่มนมโลก กรมอนามัยเชิญชวนพ่อแม่ ผู้ปกครอง ร่วมกันส่งเสริม และให้ความสำคัญกับการดื่มนม ของลูก หลังจากรายงาน ” Health Data Center ” กระทรวงสาธารณสุข ปี 2562 พบเด็กวัยเรียน 6-14 ปี มีภาวะเตี้ย 8.8 % สูงกว่าเป้าหมายของประเทศกำหนดไว้ไม่เกิน 5 % บ่งชี้ว่าการเจริญเติบโตของเด็กวัยเรียนยังไม่ดีเท่าที่ควร มีส่วนสูงน้อยกว่าเกณฑ์ในเด็กที่มีอายุเท่ากัน
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า พ่อแม่ ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับการดื่มนมของลูกๆ โดยจัดเตรียมนมให้เด็กดื่มนมที่บ้านเพิ่มเติมจากนมโรงเรียนอีก 1 กล่อง เพราะนมเป็นอาหาร ที่มีโปรตีนคุณภาพดี และมีปริมาณแคลเซียมสูง โดยเฉพาะนมโคสด 100% มีคุณค่าทางโภชนาการดีกว่านมที่มีการปรุงแต่งรสและกลิ่น เนื่องจากมีแคลเซียมในปริมาณมาก ช่วยสร้างกระดูกที่มีผลต่อพัฒนาการด้านความสูง
โดยตั้งเป้าหมายให้ปี 2564 เด็กผู้ชายอายุ 12 ปี มีส่วนสูงเฉลี่ย 154 เซนติเมตร เพิ่มจากค่าเฉลี่ยความสูงปัจจุบัน 148.6 เซนติเมตร เด็กผู้หญิงอายุ 12 ปี มีส่วนสูงเฉลี่ย 155 เซนติเมตร เพิ่มจากค่าเฉลี่ยความสูงปัจจุบัน 149.9 เซนติเมตร
กรมอนามัยแนะผู้ปกครองดูแลอาหาร และส่งเสริมการออกกำลังกายให้เด็ก 5 ข้อ ดังนี้
- บริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน
- ดื่มนมรสจืด วันละ 2 แก้ว
- กินไข่วันละ 1 ฟองทุกวัน
- กระโดดโลดเต้น 60 นาทีทุกวัน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 9-11 ชั่วโมง
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ข้อแนะนำดังกล่าว จะทำให้เด็กมีการเจริญเติบโตเต็มศักยภาพ และเพิ่มความสูงได้ เนื่องจากช่วงเวลาทอง (Golden period) ของเด็กในการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว (Growth spurt) เด็กผู้ชาย และเด็กผู้หญิงจะแตกต่างกัน
เด็กผู้หญิงจะเริ่มในช่วงอายุ 9-10 ปี ความสูงจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนถึงอายุประมาณ 12 ปี จากนั้นอัตราการเพิ่มของความสูงจะลดลงจนกระทั่งถึงอายุประมาณ 16-18 ปี ความสูงจะค่อนข้างคงที่
ส่วนเด็กผู้ชายจะเริ่มในช่วงอายุ 10-12 ปี ความสูงจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงอายุประมาณ 14 ปี จากนั้นอัตราการเพิ่มของความสูงจะลดลงจนกระทั่งถึงอายุประมาณ 18-20 ปี ความสูงจะค่อนข้างคงที่