General

ศาลสั่งคุก 2 ป้าทุบรถ 2 เดือนปรับ 12,000 บาท

ศาลพิพากษาจำคุก 2 ป้าทุบรถ 2 เดือน ปรับเงินคนละ 12,000 บาท ชี้ทำไปเพราะเครียดสะสมและเยียวยาผู้เสียหายแล้ว โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี

ป้าทุบรถ
ภาพจาก อนันต์ชัย ไชยเดช – กฎหมายอนันต์ชัย ไชยเดช บจก

ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถ.สรรพวุธ ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3917/2561 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.มณีรัตน์ แสงภัทรโชติ, น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ เป็นจำเลยที่ 1 – 2 ฐานทำให้เสียทรัพย์ โดยจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ กรณีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 น.ส.รัชนิกร เลิศวาสนา ได้ขับรถกระบะมาจอดรถขวางหน้าบ้านของ น.ส.มณีรัตน์ และ น.ส.รัตนฉัตร จนทั้งสองไม่สามารถขับรถออกจากบ้านได้ จึงบันดาลโทสะ ใช้ขวานและเสียม “ทุบรถ” ของ น.ส.รัชนิกร ได้รับความเสียหายและเสื่อมค่าคิดเป็นเงิน 50,000 บาท

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยทั้งสองแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิด เพราะความเครียดและความโกรธสะสมมาเป็นเวลานาน วันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองจำเป็นต้องใช้รถยนต์ออกจากบ้าน และได้กดสัญญาณแตรเสียงดังนาน 30 นาที แต่ น.ส.รัชนิกร ไม่มาเลื่อนรถ ทำให้จำเลยทั้งสองเกิดบันดาลโทสะใช้ขวานและเสียมทุบรถยนต์ของผู้เสียหายที่จอดกีดขวาง เห็นว่า จำเลยทั้งสองไม่อาจเข้าไปทุบทำลายรถยนต์ที่จอดขวางอยู่ได้ และแม้จะถือว่ารถของ น.ส.รัชนิกร เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แต่การกระทำนั้นยังไม่ถึงขนาดที่จะถือว่าเป็นการข่มเหงจำเลยทั้งสองอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72 จำเลยทั้งสองจึงไม่อาจอ้างเหตุบันดาลโทสะมาเป็นเหตุลดโทษไม่ได้ พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดทำให้เสียทรัพย์ตามฟ้อง

พิพากษาว่าจำเลย ทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358  และ 83 จำคุกคนละ 3 เดือนและปรับคนละ 18,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3  ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 เดือนและปรับคนละ 12,000 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดเพราะความเครียดและความโกรธที่สะสมมาเป็นเวลานาน ความผิดที่กระทำไม่ร้ายแรงนัก จำเลยทั้งสองได้บรรเทาผลร้ายจากการกระทำความผิดโดยนำเงินมาวางศาล 50,000 บาท เพื่อชำระแก่ผู้เสียหายตามที่เสียหายจริง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยทั้งสองกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 และ 30

ด้านนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ คดีนี้เดิมศาลมีคำสั่งห้ามให้ข้อมูลการพิจารณาจนกว่าจะมีคำพิพากษา เเต่ตอนนี้เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาเเล้วก็ขอเปิดเผยว่าเดิมเราสู้ว่า น.ส.รัชนิกร ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงเนื่องจากรถเป็นของพี่สาว ซึ่งศาลก็ได้ยกไป ส่วนเรื่องทุบรถเราก็ยอมรับจริงๆว่าเราทุบโดยค่าเสียหายซ่อมรถเป็นเงิน3.7หมื่น เราก็เยียวยาไป 5 หมื่นประกอบกับเรามีหลักฐานต่างๆ ที่เเสดงว่าที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่มีผู้กระทำลักษณะจอดรถขวางหน้าบ้านจำเลยมานานจนเป็นเหตุให้จำเลยมีความเครียดโกรธสะสมเป็นเวลานานจึงได้กระทำลงไป เเต่เมื่อเยียวยาค่าเสียหายไปศาลจึงเมตตาลดโทษ เหลือ 2 เดือน เเละรอลงอาญา

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก อนันต์ชัย ไชยเดช – กฎหมายอนันต์ชัย ไชยเดช บจก

Avatar photo