General

ดีเดย์ 1 ต.ค.! เชื่อมระบบตำรวจกับขนส่งฯ ไม่จ่าย ‘ใบสั่ง’ เจอปรับเพิ่มอีก 2 พันบาท

ดีเดย์ 1 ต.ค.! เจ้าของรถต้องจ่าย “ใบสั่ง” ให้ครบภายใน 30 วันหลังชำระภาษี ถ้ายังดื้อแพ่งจะไม่ได้ “ป้ายวงกลม” ตัวจริง เสี่ยงโดนปรับเพิ่มอีก 2,000 บาท พร้อมเตรียมบังคับใช้ “มาตรการตัดแต้ม” ต่อปลายปีนี้

DSC 0849
นางจันทิรา บุรุษพัฒน์  (ซ้าย) พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ (ขวา)

นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า กรมการขนส่งฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หารือเรื่องการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 14/2560

ในกรณีที่เจ้าของรถได้รับใบสั่งจากพนักงานจราจร และยังไม่ได้ชำระค่าปรับ แต่ต้องการชำระภาษีรถประจำปีกับกรมการขนส่งฯ เจ้าของรถก็สามารถชำระภาษีได้ตามปกติ แต่กรมขนส่งฯ จะให้หลักฐานแสดงการเสียภาษีประจำปีชั่วคราว แทนเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม)

หลักฐานแสดงการเสียภาษีประจำปีชั่วคราวจะมีอายุ 30 วัน นับแต่วันที่นายทะเบียนออกให้เท่านั้น โดยระหว่าง 30 วันนี้ ประชาชนต้องไปดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดกับใบสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น ปฏิเสธการออกใบสั่งหรือชำระค่าปรับให้เรียบร้อย จากนั้นก็นำหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งฯ เพื่อรับป้ายวงกลมฉบับจริงได้ทันที

เปิดสะพานรถยนต์ข้ามแยกเกษตร

แต่หากเจ้าของรถไม่ดำเนินการใดๆ กับใบสั่ง และใช้หลักฐานแสดงการเสียภาษีประจำปีชั่วคราว เกิน 30 วัน ก็มีความผิดฐานใช้รถยนต์โดยไม่มีป้ายวงกลม มีโทษปรับ 2,000 บาท ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถแจ้งกรมการขนส่งฯ ให้งดออกป้ายวงกลมสำหรับรถคันดังกล่าวและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต่อไป

อย่างไรก็ตาม นางจันทิรายืนยันว่า แม้เจ้าของรถจะไม่ยอมชำระใบสั่ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมกรมขนส่งฯ ก็ไม่มีบทลงโทษด้วยการอาญัติป้ายทะเบียนรถอย่างที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้

“กรณีที่มีใบสั่ง แต่ยังไม่ได้ชำระค่าปรับ ประชาชนสามารถชำระภาษี และใบสั่งกับกรมการขนส่งฯ ได้ในคราวเดียวกัน โดยกรมการขนส่งฯ จะบันทึกข้อมูลการชำระค่าปรับในระบบ ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบใบสั่งจราจร ทำให้มีผลเช่นเดียวกับการชำระค่าปรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถจึงได้รับป้ายวงกลมตามปกติ” นางจันทิรากล่าว

สำหรับข้อถกเถียงเรื่องใบขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น นางจันทิรากล่าวว่า ปัจจุบันกรมการขนส่งฯ รองรับใบขับขี่เพียง 2 ประเภทเท่านั้น คือ ใบขับขี่ตัวจริง และใบขับขี่ดิจิทัลบนแอพพลิเคชั่นของกรม ด้านสำเนาใบขับขี่จะใช้ได้ในบางกรณีเท่านั้น เช่น ใช้เป็นหลักฐานต่อศาล เป็นต้น

ถนน ทางหลวง ด่านบางขุนเทียน 4

พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตำรวจและกรมการขนส่งฯ จะเริ่มเชื่อมโยงข้อมูลใบสั่งและการชำระภาษีรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป แต่ประชาชนที่ได้รับใบสั่งในขณะนี้ก็จะถูกเชื่อมโยงข้อมูลด้วย เพราะระบบจะแสดงใบสั่งที่ยังไม่หมดอายุความด้วย ซึ่งตามปกติใบสั่งจะมีอายุความ 1 ปี

ในระหว่างนี้ไปจนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เจ้าหน้าที่จะเร่งสื่อสารและประชาสัมพันธ์กับประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน  และเตรียมการทุกอย่างให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 กันยายน 2562 นั้น พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีเนื้อหาใหม่หลายประเด็น ส่งผลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งฯ จะต้องร่วมกันออกประกาศ ระเบียบ หรือกฎหมายลูกขึ้นมารองรับภายใน 90 วันหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ หรือไม่เกินวันที่ 19 ธันวาคม 2562

สำหรับประเด็นสำคัญที่ต้องมีการออกกฎหมายลูก ได้แก่ 1. การเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์, 2. การกำหนดคะแนนความประพฤติของผู้ขับขี่และแนวทางการฝึกอบรมสำหรับผู้ที่ถูกตัดแต้ม และ 3. การใช้ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกรมการขนส่งฯ จะเป็นผู้กำหนดใบขับขี่และตำรวจจะเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย โดยทั้งหมดจะบังคับใช้ได้ไม่เกินวันที่ 19 ธันวาคม 2562 นี้

ตำรวจ

พ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า มาตรการเชื่อมโยงข้อมูลใบสั่งและการชำระภาษีรถประจำปีมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย และลดอุบัติเหตุทางถนน เพราะ 75% ของอุบัติเหตุทางถนนเกิดจากการไม่เคารพกฎจราจร

โดยประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บทางถนนจำนวนมาก ตั้งแต่ต้นปี 2562 ถึงปัจจุบัน มียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 6,954 คน และบาดเจ็บ 4.2 แสนคน เฉพาะช่วงครึ่งเช้าของวันนี้ (28 พ.ค.) วันเดียว มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 38 รายและบาดเจ็บกว่า 1,000 ราย

พ.ต.อ.เอกราช กล่าวต่อว่า สำหรับในปี 2561 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจออกใบสั่งไปแล้ว 11 ล้านใบและมีผู้ค้างชำระถึง 9.7 ล้านใบ หรือคิดเป็นกว่า 80% ส่วนในปี 2562 ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันได้ออกใบสั่งไปแล้ว 7 ล้านใบ และผู้มีค้างชำระประมาณ 5.9 ล้านใบ หรือคิดเป็น 84% โดยผู้ขับขี่ประมาณ 20% เป็นผู้ที่ได้รับใบสั่งมากกว่า 1 ใบ

Avatar photo