ช่วงซัมเมอร์ปี 2003 เกิดปรากฏการณ์ใหม่กับวงการลูกหนังอังกฤษ เมื่อ โรมัน อบราโมวิช นักธุรกิจรัสเซียเข้ามาฮุบเชลซีอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
“เสี่ยหมี” เข้ามาแปลงโฉม “สิงห์บลูส์” ให้เปลี่ยนไปอย่างน่าทึ่ง ยอมควักเงินมหาศาลมากกว่าพันล้านปอนด์ลงทุน บ้าที่จะทำในสิ่งที่หลายคนคัดค้านโดยเฉพาะเปลี่ยนโค้ชเหมือนเสื้อผ้า และด้วยเม็ดเงินที่หว่านลงไป บวกกับการดึง โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ในเวลานั้นเรียกได้ว่าเป็นยอดกุนซือมากุมบังเหียนในอีกปีถัดมา ความสำเร็จก็พุ่งชนทันที
เชลซี ก้าวขึ้นมาเขย่าอำนาจของ แมนฯยูไนเต็ด กับ อาร์เซน่อล ที่ผลัดกันครองความเป็นใหญ่ในพรีเมียร์ลีกช่วงนั้น ก่อนจะกลายเป็นขั้วใหม่ที่พร้อมแย่งชิงบัลลังก์ในเวลาต่อมา
ใครๆก็รู้ว่าสโมสรเชลซีแห่งมหานครลอนดอนมีทุกวันนี้ได้เพราะความบ้าของ โรมัน อบราโมวิช
แต่นับจากนี้อนาคตของเชลซีน่าเป็นห่วงเหลือเกิน ข่าวใหญ่ที่มีการแถลงผ่านเว็ปไซต์ทางการว่าโปรเจ็คต์เนรมิตสนามแห่งใหม่บนความจุกว่า 6 หมื่นคนถูกระงับแผนแบบกระทันหัน ย้ำว่ามันน่าจะเป็นช่วงวิกฤติที่สุดในรอบทศวรรษของพวกเขา
การระงับแผนสร้างสนามใหม่แปลได้ว่า อบราโมวิช เริ่มไม่อยากลงทุนอะไรอีกแล้วในเวทีพรีเมียร์ลีกหลังมีรายงานว่ารายได้ของ อบราโมวิช จากธุรกิจอื่น โดยเฉพาะหุ้นและปิโตรเคมีเริ่มลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ
อีกทั้งมันตอกหัวหมุดย้ำจากการที่รัฐบาลอังกฤษ ปฏิเศษออกวีซ่าอยู่ในสหราชอาณาจักรให้กับ “เสี่ยหมี” โดยหวั่นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่สั่นคลอนมากขึ้น รวมไปถึงต้องการให้แจกแจงรายละเอียดรายได้ต่างๆ ทำให้ “เสี่ยหมี” ควันออกหูทันทีพร้อมกับหันไปขอสัญชาติอิสราเอล พำนักอยู่ที่นั่น เพื่อเลี่ยงการเสียภาษี อีกทั้งพาสปอร์ตอิสราเอลช่วยให้เขาเข้าประเทศอังกฤษได้ เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวที่ลอนดอน เพียงแต่ไม่สามารถลงทุนทำธุรกิจอะไรได้เลย
นอกจากนี้แหล่งวงในจากเดอะ บริดจ์ ยังยืนยันว่า อบราโมวิช รู้สึกผิดหวังจากการกระทำที่ไม่ยุติธรรมครั้งนี้มากๆ เพราะมันทำให้เขาอดมาเข้าชมเกมนัดชิงเอฟเอ คัพและไม่ได้ร่วมฉลองแชมป์กับทีมด้วยตามธรรมเนียม
ข่าวที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ อบราโมวิช เริ่มที่จะเอือมและเอียนกับการเป็นเจ้าของสโมสรเชลซี จนมีความคิดยอมขายทีมให้นายทุนคนใหม่ หรือไม่คิดจะลงทุนแบบที่เคยทำอีกต่อไป เอาแค่พอถูไถไปได้ตามความเหมาะสม
ยิ่งผลประกอบการโดยรวมของเชลซีเมื่อเทียบกับบรรดาทีมท็อปซิกซ์รอบสองซีซั่นมานี้ เชลซีมีผลประกอบการโดยรวมเติบโตน้อยที่สุดเพียง 33.2ล้านปอนด์ซึ่งน้อยกว่าชาวบ้านถึงเท่าตัวยิ่งไปเทียบกับสเปอร์อีกหนึ่งคู่อริกรุงลอนดอนที่เพิ่งก้าวขึ้นมาท้าทายอำนาจยิ่งไปกันใหญ่น้อยกว่าถึงสามเท่า
นอกจากเรื่องเบื้องบนที่เขย่าเชลซีจนโคลงไปมาแล้ว แคมป์นักเตะก็ดูวุ่นวายไม่น้อยเช่นเดียวกัน เมื่อผู้เล่นแกนหลักอย่าง เอแด็น อาซาร์ และ ติโบ กูร์กตัวส์ เริ่มไม่แฮปปี้กับความไม่ชัดเจนของสโมสรและต้องการจะย้ายออก รวมไปถึงไม่ชอบบรรยากาศที่เกิดขึ้นแบบนี้ ขณะที่เรื่องตัวกุนซือก็ยังคลุมเคลือคอนเต้จะอยู่ต่อหรือเอาคนใหม่เข้ามาก็ยังไร้วี่แววความชัดเจน
15 ปีผ่านไปภายใต้การขับเคลื่อนของ อบราโมวิช เชลซีก้าวขึ้นมาเป็นทีมหัวแถว แต่จากนี้ต้องจับตาดูท่าทีของเขาอย่างใกล้ชิดจะเดินเกมอย่างไรต่อไป
เชื่อว่านาทีนี้แฟนเชลซีหายใจไม่ทั่วท้อง
