“อนาคตใหม่” ไม่ติดใจผลนับคะแนนรองประธานสภาฯ ยอมรับเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค แต่ชี้ยังมีปัญหา เหยียดเพศ เหยียดอายุ ในกลุ่ม ส.ส.
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคต เปิดเผยหลังทราบผลการโหวตเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ในวันนี้ (26 พ.ค.) ซึ่งนายสุชาติ ตันเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เฉือนชนะ น.ส.เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ไปเพียง 2 คะแนนว่า
ในการนับคะแนนครั้งนี้มีการแก้คะแนนของ น.ส.เยาวลักษณ์ ให้ลดลงจาก 247 คะแนน เหลือ 246 คะแนน ซึ่งตนก็ไม่ติดใจ เพราะเป็นความผิดพลาดทางเทคนิคจริงๆ
เนื่องจากผู้ลงคะแนนรายหนึ่งได้เขียนชื่อ นส.เยาวลักษณ์ ผิดเป็นเสาวลักษณ์ แต่ผู้ขานคะแนน ขานให้เป็นคะแนนของ น.ส.เยาวลักษณ์ จนมีผู้ทักท้วง สุดท้ายมีการวินิจฉัยให้นับเป็นคะแนน เพราะยึดเจตนารมณ์เป็นหลัก แต่ในระหว่างที่มีการถกเถียงกันได้มีการขีดคะแนนไปแล้วและมีการขีดคะแนนซ้ำอีกครั้ง จึงต้องไปลบออก 1 คะแนน ซึ่งก็ถือว่าการนับคะแนนเรียบร้อยดี ไม่มีบัตรเขย่ง
สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ แม้ น.ส.เยาวลักษณ์จะไม่ได้รับตำแหน่ง แต่ก็ถือเป็นการปักหมุดในประวัติศาสตร์การเมือง ด้วยการส่งสตรีลงชิงตำแหน่งผู้นำในรัฐสภาแล้ว
โดยผลการลงมติเลือกรองประธานสภาฯ ในวันนี้ มีความแตกต่างจากการเลือกประธานสภาฯ วานนี้ (25 พ.ค.) อย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งต้องขอบคุณเพื่อน สส. ที่ร่วมลงคะแนนเลือกในครั้งนี้ สะท้อนถึงการยึดมั่นในความเป็นคนเท่ากัน เชื่อในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเพศหรืออายุ
อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่า ส.ส. ผู้หญิง ส.ส.ที่มีอายุน้อย และส.ส. ที่มีความหลากหลายทางเพศ ยังไมได้รับความเคารพจาก ส.ส. ผู้ชายที่มีวัยวุฒิสูงกว่า ยังมีการเหยียดเพศเหยียดอายุ ทั้งที่รัฐสภาคือหัวใจสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียม จึงอยากเรียกร้องให้ยุติและประพฤติตนให้สมกับเป็น ส.ส.
สำหรับกรณีที่มีข้อสงสัยว่าเกิดงูเห่าใน 7 พรรคต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขณะเลือกประธานสภาฯ เมื่อวานนั้น น.ส.พรรณิการ์กล่าว่า การลงมติเป็นเอกสิทธิของ ส.ส. ซึ่งการลงคะแนนมีเพียง 2 อย่าง คือโหวตตามอุดมการณ์กับผลประโยชน์ ซึ่งจะเห็นว่าผลโหวตในวันนี้มีคะแนนต่างกันเพียงหลักหน่วย แสดงว่าการลงคะแนนแต่ละครั้ง จะมีการตกลงเป็นรอบๆ ไป