การท่าเรือแหลมฉบัง สรุปเหตุไฟไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ บนเรือบรรทุกสินค้าเสียหาย 35 ตู้ ดับไฟได้ทั้งหมดแล้ว ด้านกรมเจ้าท่าคุมเข้ม ห้ามระบายน้ำปนเปื้อนลงทะเล ให้ทำตามกรมโรงงานฯกำหนด
จากกรณีเหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ บนเรือบรรทุกสินค้า KMTC HONGKONG บริเวณท่าเทียบเรือ เอ 2 เขตท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งภายหลังพบว่ามีสารเคมีอันตรายถูกเผาไหม้ เกิดควันพิษหากสูดดมเข้าไปก็จะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ หรือหากโดนผิวหนังก็จะแสบร้อน ทางหน่วยงานราชการต้องแจ้งประกาศเป็นพื้นที่สีแดง พร้อมสั่งอพยพคนในชุมชนราว 400 คน ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย โดยสารเคมีชนิดนี้คือ แคลเซียมไฮโปรคลอไรต์ และ คลอริเนเตท พาราฟิน แวกซ์ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง แจ้งว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเรียบร้อยแล้ว โดยมีตู้สินค้าที่ได้รับความเสียหายจากเปลวไฟ จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 35 ตู้ แต่อาจมีตู้ที่อยู่ภายนอก อาจจะได้รับผลกระทบจากความร้อนน้ำปนเปื้อนจากการดับเพลิง จนทำให้สินค้าภายในตู้สินค้าได้รับเสียหายเพิ่มเติมอีกได้
สำหรับน้ำปนเปื้อนจากการดับเพลิง จะถูกกักเก็บอยู่ในระวางเรือ และกรมเจ้าท่า ได้สั่งห้ามระบายน้ำปนเปื้อนออกจากเรือลงสู่ทะเล โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนดไว้ และนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีต่อไป และในการนี้ ท่าเรือแหลมฉบัง ได้มีการวางบูมรอบ ๆ ตัวเรือ เพื่อป้องกันกรณีที่อาจเกิดน้ำมัน หกลงทะเลอีกด้วย
ขณะกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) มอบหมายให้ศูนย์วิจัย ทช. อ่าวไทยฝั่งตะวันออก และสำนักงานบริหาร ทช.ที่ 2 (ชลบุรี) เข้าพื้นที่เพื่อสังเกตการณ์ และประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล โดยมีการระงับเพลิงด้วยการฉีดโฟมและใช้น้ำหล่อเย็น ซึ่งเพลิงได้ดับแล้วเหลือแต่ควันดำทั่วบริเวณ สภาพมลพิษทางอากาศจะตรวจวัดโดยเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมมลพิษ
ส่วนทรัพยากรในทะเล กรม ทช. จะตรวจสอบ ซึ่งในพื้นที่นี้มีปะการังในพื้นที่ใกล้เคียง บริเวณเกาะนก อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 8 กม. และเกาะจุ่นอยู่ห่าง 12 กม. ส่วนแนวหญ้าทะเลที่ใกล้ที่สุดคือ บริเวณหาดยาว ตำบลบางเสร่ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 33 กม. โดยจะติดตามผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างใกล้ชิดต่อไป
