Business

สมูท-อีสยายปีกร้านขายยา P&F หว่าน 3,200 ล้าน ผุด 1,600 สาขา เข้าถึงทุกอำเภอหลังทุ่ม 200 ล้านซื้อกิจการ

สมูท-อี ลั่นผุดเชนร้านขายยา P&F ทุกอำเภอ เฟสแรก 4 ปี 800 สาขา เฟส 2 อีก 800 สาขา คาดลงทุนกว่า 3,200 ล้านบาทใน 8 ปีจากนี้ หลังปิดดีลซื้อกิจการ 200 ล้าน เร่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ระดมทุนขยายกิจการ ลั่นขึ้นท็อปไฟว์แข่งแบรนด์ยักษ์ใหญ่

S 4390927

 

ภก.ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและปลุกปั้นเวชสำอางค์จากธรรมชาติ แบรนด์ สมูท-อี และผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปาก เดนทิสเต้ เปิดเผยว่า หลังจากเข้าซื้อกิจการเชนร้านขายยา P&F มูลค่า 200 ล้านบาทเมื่อกลางเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา บริษัทได้วางแผนธุรกิจรุกตลาดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการปรับแบรนด์ ภาพลักษณ์สาขาเดิม ที่มี 71 สาขาในปัจจุบันในแล้วเสร็จภายใน 3 เดือนจากนี้ และการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง

บริษัทวางเป้าหมายระยะยาว จะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 3,200 ล้านบาท แบ่งออกเป็นสองระยะ โดยระยะแรก 4 ปี จะลงทุน 1,600 ล้านบาท เปิด 800 สาขา ซึ่งจะทำให้มีเชนร้านขายยา P&F ในทุกอำเภอของไทย จากนั้นจะเริ่มขยายเฟส 2 ในอีก 4 ปีจากนั้นอีก 800 สาขา ใช้งบลงทุนอีก 1,600 สาขา ซึ่งจะทำให้ใน 8 ปี จากนี้ จะมีสาขาเพิ่มเป็น 1,600 สาขาทั่วประเทศไทย

S 24092733

สำหรับการขยายสาขาจะมีทั้งการขยายเอง การร่วมทุนกับร้านขายยาดั้งเดิม และเภสัชกร ตลอดจนการร่วมทุนกับบริษัทร้านขายยาจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการในประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น ขณะที่ทำเลในการขยายสาขาจะมีทั้งการเปิดในห้างสรรพสินค้าและร้านสแตนด์อโลนในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น ย่านธุรกิจ ย่านชุมชน แหล่งสถานศึกษา แหล่งท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคและเพิ่มจุดแข็งด้านการแข่งขัน

ในส่วนของเงินลงทุนนั้น การขยายสาขาเฟสแรกส่วนหนึ่งจะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน และเฟส 2 จะใช้งบลงทุนจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งตั้งเป้าจะสามารถนำกิจการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายใน 4 ปี นับจากนี้ ตั้งเป้าระดมทุนขยายกิจการ 1,600 ล้านบาท ซึ่งหากดำเนินการได้ตามแผนในเฟสแรก 800 สาขา คาดว่ายอดขายรวมของร้านขายยา P&F จะอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท หรือต้องมียอดขายมากกว่า 20 ล้านบาทต่อสาขาต่อปี

ทั้งนี้ P&F เป็นร้านขายยาคุณภาพที่เปิดดำเนินการมานานถึง 35 ปี เกิดจากการรวมตัวของเภสัชกร 5 ท่าน ในอดีตเน้นเป้าหมายการคัดสรรและจำหน่ายยาที่มีคุณภาพเพื่อผู้บริโภค ไม่ได้เน้นการแข่งขันด้านการตลาด แต่ปัจจุบันตลาดร้านขายยามีการแข่งขันรุนแรง ทั้งการลดราคาสินค้า ลดการจ้างเภสัชกร ส่งผลให้คุณภาพในร้านขายยาลดลงตามด้วย

S 24092734

“ผมเป็นเภสัชกร ที่เคยเปิดร้านขายยาหลายสาขา เช่น สาขา สยามเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ซีคอนสแควร์ และ บางลำพู ผมเห็นตลาดร้านขายยาเปลี่ยนแปลงจากอดีตมาก โดยเฉพาะการแข่งขัน ทำโปรโมชั่นลดราคามากกว่าเรื่องคุณภาพ ผู้บริโภคเริ่มมีโอกาสพบเภสัชกรในร้านขายยาน้อยลง ส่งผลให้ การบริโภคยาขาดคุณภาพ และอาจทำให้เสียชีวิตจากการบริโภคยาได้ และในอดีตเภสัชกรไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่ปัจจุบันเภสัชกรมีจำนวนมากเพียงพอ แต่ต้องบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อว่ายังไม่สายเกินไปที่จะริเริ่มทำการตลาดแนวใหม่ เพื่อยกระดับร้านขายยาทั้งตลาด” ภก.ดร.แสงสุขกล่าว

ปัจจุบัน ธุรกิจร้านขายยามีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% จากมูลค่าตลาด 35,000 ล้านบาท มีจำนวนร้านขายยาทั่วประเทศ 20,000 แห่ง และมีการแข่งขันด้านราคารุนแรงเพื่อให้ขายได้จำนวนมาก ทำให้กำไรลดลงเรื่อยๆ ดังนั้น บริษัทจะเน้นจุดต่างโดยเน้นการบริการและคุณภาพ เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับเอและบี และขยายสินค้าให้ครบทั้งกลุ่มยา เวชสำอาง อาหารเสริม เครื่องสำอาง เป็นต้น

Avatar photo