World News

วิตกการค้าเพิ่มขึ้น ฉุดวอลล์สตรีทร่วงเฉียด 2% น้ำมันทรุดเกิน 5%

ตลาดสหรัฐดิ่งลงมากกว่า 1% ในการซื้อขายวันนี้ (23 พ.ค.) จากการที่นักลงทุนพากันเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อุตสาหกรรม และพลังงาน ท่ามกลางความวิตกถึงสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่เพิ่มความรุนแรงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อกการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

d5706b5c 4752 4329 ba38 6565912499ad

ความกังวลในเรื่องดังกล่าว ยังฉุดให้ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียท ในตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ดิ่งลงมากกว่า 5% หรือ 3.18 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 58.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ที่ตลาดลอนดอน อังกฤษ ทรุด 4.5% หรือ 3.24 ดอลลาร์ ที่ 67.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุด ร่วงลง 399.48 จุด หรือ 1.55% มาอยู่ที่ 25,377.13 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 43.99 จุด หรือ 1.54% ที่ 2,812.28 จุด และดัชนีแนสแด็กดิ่งลง 148.51 จุด หรือ 1.92% ที่ 7,602.33 จุด

หุ้นเทคโนโลยี ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับจีนมากสุด เจอกับแรงเทขายอย่างหนักในวันนี้ โดยหุ้นตัวใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ และแอปเปิ้ล ร่วงลงมากกว่า 1% ฉุดให้ทั้งดัชนีเดินสู่ขาลงตามกันมา  ส่วนราคาน้ำมันที่ร่วงลง ทำให้ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานทรุดหนักถึง 3.2%

นักวิเคราะห์ชี้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดนี้ เป็นการป้องกันตัวเองของนักลงทุน ซึ่งปัจจัยอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้ตลาดฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้าง คือการที่สหรัฐ และจีนกลับมานั่งโต๊ะเจรจากันอีกครั้ง พร้อมเลื่อนการจัดเก็บภาษีนำเข้าที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ออกไปก่อน

ในวันนี้ กรุงปักกิ่งออกมาระบุว่า สหรัฐจำเป็นต้องปรับท่าทีที่ผิดพลาดของตัวเอง เพื่อให้การเจรจาการค้าเดินหน้าไปได้ หลังจากที่รัฐบาลวอชิงตันประกาศขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย เทคโนโลยี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า สงครามการค้ากำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึง ข้อมูลจากไอเอชเอส มาร์กิต ที่แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมภาคการผลิตสหรัฐขยายตัวน้อยสุดในรอบเกือบ 10 ปี และคำสั่งซื้อใหม่ร่วงลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2552

Avatar photo