ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ (21 พ.ค.) แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังรัฐบาลสหรัฐ ผ่อนคลายคำสั่งควบคุมหัวเว่ย เทคโนดลยีส์ชั่วคราว ช่วยบรรเทาความวิตกถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ว่าจะไม่เลวร้ายลงไปอีก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุด ปรับขึ้นมา 146.46 จุด หรือ 0.57% มาอยู่ที่ 25,826.36 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้น 24.02 จุด หรือ 0.85% ที่ 2,864.25 จุด และดัชนีแนสแด็ก ทะยานขึ้นมา 88.15 จุด หรือ 1.14% ที่ 7,790.52 จุด
ราคาหุ้นของบรรดาผู้ผลิตชิพ ที่โดนเทขายอย่างหนักเมื่อวานนี้ (20 พ.ค.) ฟื้นตัวขึ้นมา หลังรัฐบาลสหรัฐอนุญาตให้หัวเว่ย ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ของโลก สามารถซื้อสินค้าสหรัฐไปได้จนถึงวันที่ 19 สิงหาคมนี้
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับหัวเว่ย แสดงให้เห็นว่า ยังมีความเป็นไปได้สำหรับการเจรจาทางการค้ากับจีนอยู่ โดยหุ้นเทคโนโลยีถือเป็นแนวหน้า ที่จะรับผลกระทบเป็นกลุ่มแรกๆ จากข่าวที่เกี่ยวข้องกับการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ที่ต้องรับมือกับเรื่องนี้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ
ในวันนี้ “กูเกิล อิงค์” ยังแถลงว่า บริษัทจะทำธุรกิจกับหัวเว่ยต่อไปในช่วง 90 วันข้างหน้า ซึ่งถือเป็นการกลับลำการตัดสินใจก่อนหน้านี้ ที่กูเกิล ระบุว่า บริษัทจะยุติการดำเนินธุรกิจกับหัวเว่ยเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งได้ห้ามบริษัทสหรัฐดำเนินธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ย ขณะที่หัวเว่ยถูกขึ้นบัญชีดำ
นอกจากนี้ ราคาหุ้นโบอิงยังพุ่งขึ้น 1.2% หลังหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เจ้าหน้าที่ด้านการบินของสหรัฐเชื่อว่า เครื่องบินโบอิงตระกูล 737 แม็กซ์ ซึ่งประสบอุบัติเหตุตกในเอธิโอเปียเมื่อเดือนมีนาคม อาจมีสาเหตุจากการถูกนกพุ่งชน จนทำให้ระบบเซ็นเซอร์ขัดข้อง
เจ้าหน้าที่สอบสวนระบุว่า การที่นกพุ่งชนเครื่องบิน เป็นสาเหตุทำให้ระบบเซ็นเซอร์ทำงานผิดพลาด และกระตุ้นให้ระบบ anti-stall เกิดทำงานขึ้นในเครื่องบินโบอิง 737 แม็กซ์ ของสายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์ และเครื่องบินของสายการบินไลอ้อนแอร์ในอินโดนีเซียในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ระบบอัตโนมัติสั่งการให้เครื่องบินลดเพดานบินลง จนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมตามมา
