COLUMNISTS

 เขาว่ามีคน ‘เผ่นหนี’ เพราะเงินทอนวัดจริงหรือ! 

Avatar photo
224

เป็นข่าวใหญ่สะเทือนขวัญของประชาชน และ “เขย่าวงการสงฆ์” ที่เกิดขึ้น”แบบสายฟ้าแลบ” ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบได้นำหมายจับศาลอาญารัชดา พร้อมนำกำลังเข้าบุกเข้าตรวจค้นและเชิญตัวพระเถระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปไปดำเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัด รวมไปถึงพระพุทธอิสระ หรือ พระสุวิทย์ ธมฺมธีโร วัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม

ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ธรรมดาเพราะมีพระชั้นผู้ใหญ่ทั้งสิ้นที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดครั้งนี้ ตำรวจสามารถนำอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องรวม 6 คน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และสละสมณเพศ เหลือเพียง พระพรหมเมธี หรือ“พระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา” อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามฯ ที่ยังหลบหนี

000 15G98N

อันที่จริงคดีเงินทอนวัดก็มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกันมาระยะหนึ่งแล้ว  การทุจริตก็น่าจะมีมานานแล้ว ยิ่งได้ยิน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ออกมาบอกว่า การจับทุจริตเงินทอนวัดรอบนี้ ไม่ใช่ล็อตสุดท้ายที่จะดำเนินคดี ยิ่งทำให้คิดหนักว่า การตรวจสอบที่ผ่านๆ มาทำไมช่างเงียบเสียเหลือเกิน

มีความเข้าใจว่าการใช้งบบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด งบอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม มันน่าจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของการใช้งบจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ด้วยไม่ใช่หรือ แล้วที่ผ่านมาการตรวจสอบของสตง. เป็นอย่างไร

สิ่งที่เกิดขึ้นกับการทุจริตเงินทอนวัดที่พระเถระชั้นผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง จนดูเหมือนทำกันเป็นกระบวนการ แล้วการตรวจสอบการใช้งบของ สตง. มองไม่เห็นเลยหรืออย่างไร หรือว่าไม่กล้าที่จะเข้าไปตรวจสอบ

อันที่จริงเรื่องอย่างนี้สตง.ต้องมีการตรวจสอบในเชิงลึกมากกว่า ถามว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรอย่างไรไปบ้าง เราเชื่อว่ากระบวนการอย่างนี้น่าจะยังไม่จบสิ้นยิ่งสาวยิ่งเจอ

ยิ่งได้ยิน พล.ต.ต.กมล บอกว่าคดีเงินทอนวัดดำเนินการไปแล้ว 3 ล็อต มูลค่าความเสียหายกว่า 340 ล้านบาท เป็นการตรวจสอบทุจริตงบใน 3 งบประมาณ นั่นคือ งบบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด งบอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ เงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ที่ถูกดำเนินคดีในล็อตที่ 3 ถือเป็นการทุจริตงบสูงที่สุดกว่า 150 ล้านบาท

ไหนๆ ก็ไหนแล้วเมื่อกระชากหน้ากากพระเถระชั้นผู้ใหญ่ได้แล้ว ที่เหลือจะเป็นใครก็ตามต้องกระชากออกมาให้หมด จอมสมคบทุจริตทั้งหลาย ต้องเร่งจัดการให้สิ้นซาก

ที่สำคัญไม่ใช่แค่เพียงพระสงฆ์  รวมไปถึงบุคคลธรรมดาด้วย โดยเฉพาะ พวกสมคบงาบประมูลงานรัฐทั้งหลาย ที่เรียกหัวคิวกันสูงๆ 30-40%  ยิ่งระยะนี้มีงานประมูลก่อสร้างกำลังเกิดขึ้นราวกับดอกเห็ด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือผู้มีอำนาจต้องจัดการเรื่องนี้ด้วย อย่างหลงทางอยู่แต่ทุจริตเงินทอนวัด

ที่สำคัญหน่วยงานอย่างสตง.เองก็ต้องทำหน้าที่การตรวจสอบการใช้งบประมาณรัฐอย่างจริงจัง อย่าทำเพียงแค่ลูบหน้าปะจมูก หรือเพียงแค่ว่าได้มีการตรวจสอบแล้ว จะต้องนำมาตีแผ่ให้ประชาชนรับรู้หน่วยงานไหน องค์กรไหน ใช้จ่ายงบประมาณอย่างไร

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้แว่วๆมาว่า มีใคร? บางคนเผ่นหนีไปแล้ว ไม่รู้ว่าเอี่ยวอะไรกับการตรวจสอบด้วยหรือเปล่า