การที่สหรัฐประกาศขึ้นบัญชีดำ “หัวเว่ย เทคโนโลยีส์” ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนรายนี้เข้าถึงระบบปฏิบัติการ “แอนดรอยด์” ได้ในวงจำกัด สถานการณ์ที่กลายเป็นเงาดำปกคลุมการดำเนินงานของบริษัทในทันที
ในวันนี้ (21 พ.ค.) หัวเว่ยมีกำหนดเปิดตัวสมาร์ทโฟนแบรนด์ออนเนอร์ รุ่นออนเนอร์ 20 ซึ่งน่าจะยังนำเสนอการเข้าถึงระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์อย่างเต็มที่ รวมถึง แอปสโตร์ ของ “กูเกิล” ด้วย
แต่จนกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลสหรัฐจะคลี่คลายไป การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในอนาคตหลังจากนี้ มีแนวโน้มที่จะใช้งานได้อย่างจำกัด หากหัวเว่ยตัดสินใจที่จะไม่ใช้แอนดรอยด์อีกเลย ทั้งยังไม่ชัดเจนว่า กูเกิลจะจำกัดการเข้าถึงของหัวเว่ยไปอีกนานเท่าใด
ในทางทฤษฎีแล้ว หากกูเกิลไม่ต้องการที่จะตัดสัมพันธ์กับบริษัทที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ที่ขายดีเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากซัมซุง ของเกาหลีใต้ บริษัทก็อาจจะขอยื่นเรื่องต่อสำนักงานอุตสาหกรรม และความมั่นคงของสหรัฐ เพื่อให้ออกใบอนุญาตให้บริษัทสามารถทำการค้ากับหัวเว่ยต่อไปได้ หรืออย่างน้อยก็สามารถทำธุรกิจระหว่างกันในบางด้านได้
แต่ถ้าอยู่บนสมมติฐานที่ว่า ปัญหานี้ยังแก้ไขไม่ได้ในเร็ววันนี้ ลองมาดูกันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับหัวเว่ยในครั้งนี้ จะส่งผลต่อลูกค้าของหัวเว่ยอย่างไรบ้าง
ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนหัวเว่ย และแบรนด์อื่นๆ ในเครือ จะยังสามารถติดตั้งแอปพลิเคชันใหม่ๆ หรืออัพเดทบริการจากกูเกิลได้อยู่
เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะอุปกรณ์เหล่านี้ผ่านการรับรองคุณภาพ ภายใต้กระบวนการที่รู้จักกันในชื่อ ชุดทดสอบความเข้ากันได้ (ซีทีเอส) และชุดทดสอบระบบการทำงานใหม่ของแอนดรอยด์ (วีทีเอส)
โดยสรุปแล้ว กูเกิลยังสามารถให้บริการเวอร์ชั่นใหม่ ในผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ และอนุญาตให้ดาวน์โหลดจากตลาดออนไลน์ของบริษัทได้ โดยไม่ต้องทำข้อตกลงกับหัวเว่ยโดยตรง
แต่สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่ยังไม่ผ่านการรับรองนั้น จะไม่สามารถติดตั้ง บริการอุปกรณ์เคลื่อนที่ของกูเกิล (จีเอ็มเอส) ไว้ล่วงหน้าได้และไม่สามารถใช้แอปพลิเคชันจำนวนหนึ่งที่เป็นของกูเกิลได้ รวมถึง
- เพลย์สโตร์ สำหรับแอปพลิเคชัน เพลง และสื่ออื่น
- กูเกิล โฟโต้
- ยูทูบ
- กูเกิล แมพส์
- กูเกิล ไดรฟ์ ระบบจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์
- กูเกิล ดูโอ บริการโทรศัพท์แบบวีดิโอ
บางส่วนของบริการเหล่านี้ ยังสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางเว็บไซต์ แต่ก็จะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกไม่ค่อยสะดวกสบายมากนัก
อย่างไรก็ดี การเข้าถึงบริการของกูเกิลได้อย่างจำกัดนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานในจีนไม่มากนัก เพราะถูกสกัดกั้นการเข้าถึงกูเกิลอยู่แล้ว แต่ในที่อื่นๆ นั้น อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ ถึงขั้นเลิกใช้งานได้
