Economics

‘การบินไทย’ กำไรหด 83% เหตุบาทแข็ง – ผลกระทบ Trade War

ไตรมาสแรก “การบินไทย” กำไรหด 83% เหลือ 456 ล้านบาท เหตุเงินบาทแข็งค่า ผลกระทบสงครามการค้า พร้อมดัน “โครงการมนตรา” ฟื้นฟูองค์การแบบเร่งด่วน

1 2 Copy
สุเมธ ดำรงชัยธรรม

นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของการบินไทยและบริษัทย่อยในไตรมาส 1 ของปี 2562 มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 456 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 2,281 ล้านบาท หรือคิดเป็น 83.3% โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 445 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.20 บาท ลดลงจากปีก่อน 1.04 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 83.9%

สาเหตุที่กำไรลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ของการบินไทยลดลง 6.9% เพราะเงินบาทแข็งค่า สงครามการค้า (Trade war) การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม ประกอบกับการบินไทยมีเครื่องบินให้บริการลดลง ส่งผลให้ปริมาณการขนส่งผู้โดยสารลดลงตามไปด้วย ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 2.0%

นายสุเมธ กล่าวอีกว่า ในไตรมาสที่ 1 ปี 2562 การบินไทยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 49,791 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 3,675 ล้านบาท หรือลดลง 6.9% สาเหตุสำคัญเนื่องจากรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าลดลง เป็นผลจากปริมาณการผลิตและการขนส่งลดลง

โดยบริษัทมีจำนวนเครื่องบินที่ใช้ในการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 จำนวน 103 ลำ ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 1 ลำ ในจำนวนนี้มีเครื่องบินที่ให้บริการได้จริงจำนวน 90 ลำ ต่ำกว่าปีก่อนที่เฉลี่ย 94 ลำ ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกระทบจากกรณีเครื่องยนต์โรลส์รอยซ์ Trent 1000 ต่อเนื่องจากปีก่อน และการจอดเครื่องบินเพื่อทำการซ่อมบำรุงตามตารางการซ่อมบำรุงปกติ แต่อัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบิน (Aircraft Utilization) เท่ากับ 12.5 ชั่วโมง สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 11.9 ชั่วโมง มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) ลดลง 2.8% และมีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) ลดลง 3.2% มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 80.3% ต่ำกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 80.6% และมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 6.29 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน 0.6%

เครื่องบิน การบินไทย A380

นอกจากนี้ มีปัจจัยเรื่องสงครามการค้าที่กดดันให้รายได้จากการขนส่งสินค้าลดลง 12.9% ประกอบกับรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วย (Yield) ลดลงจากการแข่งขันที่รุนแรง และการแข็งค่าของเงินบาทต่อสกุลเงินรายได้หลัก ทำให้รายได้เมื่อคำนวณเป็นเงินบาทลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้จากการบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้น 6.2%

ขณะที่ไตรมาสนี้มีค่าใช้จ่ายรวม 50,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 989 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.0% โดยมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจากการเปลี่ยนประมาณการมูลค่าคงเหลือของเครื่องบินและเครื่องยนต์ ค่าเช่าเครื่องบินและอะไหล่เพิ่มจากการรับมอบเครื่องบินเช่าดำเนินงานในระหว่างปี 2561 จำนวน 3 ลำ และการเช่าเครื่องยนต์อะไหล่เพิ่มขึ้น เป็นต้น

นอกจากนี้ การบินไทยและบริษัทย่อย มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน จำนวน 213 ล้านบาท และกำไรจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนเงินลงทุนในบริษัท สายการบินนกแอร์จำกัด (มหาชน) จำนวน 273 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 1,366 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการตีมูลค่าทางบัญชี

ทั้งนี้ ในปี 2562 บริษัทจะมุ่งเน้นการสร้างรายได้เสริมภายใต้ “โครงการมนตรา” ซึ่งเป็นโครงการฟื้นฟูการบินไทยแบบเร่งด่วน ตลอดจนกลยุทธ์การดำเนินงานอื่นๆ ซึ่งส่วนหนึ่งได้เริ่มดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ต้นปี โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือทำให้การบินไทยหลุดพ้นจากวงจรของกับดักปัญหา และสามารถมีผลประกอบการที่มั่นคงต่อไปในอนาคต การการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ บูรณาการด้านบริหารจัดการการบินไทยและไทยสมายล์ การบริหารจัดการด้านการขายและการตลาด หารายได้เสริม และเพิ่มรายได้ในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับการบิน เป็นต้น

สำหรับข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 267,277 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2561 จำนวน 1,444 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.5% มีหนี้สินรวมเท่ากับ 243,700 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 จำนวน 4,565 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.8% และส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 23,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2561 จำนวน 3,121 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.3% สาเหตุหลักเกิดจากการปรับปรุงผลกระทบจากการนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 15 เรื่องรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้ามาใช้ ทำให้กำไรสะสม ณ วันที่ 1 มกราคม 2562 เพิ่มขึ้น จำนวน 2,159 ล้านบาท ประกอบกับการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรในไตรมาสนี้

Avatar photo