ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดซื้อขายวันนี้ (13 พ.ค.) ทรุดลงอย่างหนัก หลังจากที่จีนประกาศตอบโต้ขึ้นภาษีนำเข้าต่อสินค้าสหรัฐ ตอกย้ำถึงความกังวลว่า จะเกิดสงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก และจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุด ดิ่งลงไป 649.69 จุด หรือ 2.50% มาอยู่ที่ 25,292.68 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 71.97 จุด หรือ 2.50% ที่ 2,809.43 จุด และดัชนีแนสแด็ก ทรุดลงมา 254.74 จุด หรือ 3.22% มาอยู่ที่ 7,662.20 จุด
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดนเทขายหนักสุด รวมถึง แอปเปิ้ล อิงค์ และบรรดาผู้ผลิตชิพ และผู้ค้าปลีก ที่มีรายได้จำนวนมากจากตลาดจีน
ราคาหุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลงไปถึง 5.2% สร้างแรงกดดันต่อขาลงของดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดาวโจนส์ ที่มีแนวโน้มจะทำสถิติร่วงหนักสุดใน 1 วัน เมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์ นับตั้งแต่วันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์ชี้ว่า แรงเทขายที่เข้ามาล้นตลาดนี้ สะท้อนว่าการเจรจาการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐ อยู่ในสถานการณ์ที่แย่กว่าที่ผู้คนคิดกันไว้
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจีน ประกาศวันนี้ว่า มีแผนที่จะเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ จากระดับ 5% ในปัจจุบันไปอยู่ที่ 25% ครอบคลุมสินค้าทั้งหมด 5,140 รายการ มูลค่าประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป เพื่อตอบโต้ต่อการที่สหรัฐขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่ แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ มองว่า การขึ้นภาษีของจีน สร้างความเสี่ยงที่จะทำให้รายได้ของบริษัทจดทะเบียนในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลงในปีนี้ราว 1-3%
