เศรษฐกิจ และเสถียรภาพของตลาดการเงินโลก ตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ มีคำสั่งขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ที่เหลืออยู่เกือบทั้งหมด ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐ เพิ่งขึ้นภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีน มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์
หลังทวีตข้อความว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีนในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ที่กรุงวอชิงตัน เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา และสร้างสรรค์ ผู้นำสหรัฐก็กลับลำอีกรอบ ทำตามคำขู่ที่เกิดขึ้นมานานหลายเดือน
“ประธานาธิบดี มีคำสั่งให้เราเริ่มต้นกระบวนของการขึ้นภาษีศุลกากรที่จำเป็น ต่อสินค้านำเข้าจากจีนที่เหลืออยู่ทั้งหมด ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์” นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ แถลง
นายไลท์ไฮเซอร์ บอกด้วยว่า รายละเอียดของกระบวนการในการแจ้งต่อสาธารณะ และเปิดรับฟังความเห็น จะออกมาในวันจันทร์นี้ (13 พ.ค.) ก่อนหน้าที่จะมีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายถึงการขึ้นภาษีครั้งใหม่
ทางด้านจีนได้ออกมาประกาศว่า จะดำเนินมาตรการตอบโต้ที่จำเป็นสำหรับเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนรอบล่าสุด ปิดฉากลงเมื่อวานนี้ (10 พ.ค.) แบบไร้ข้อตกลงใดๆ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นล้มเหลวเช่นกัน ทำให้ยังมีความหวังอยู่เลือนๆ ว่า รัฐบาลสหรัฐ และกรุงปักกิ่่ง อาจจะหาทางเลี่ยงไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกได้
ทรัมป์ ทวีตว่า ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา สหรัฐ และจีน มีการสนทนาอย่างตรงไปตรงมา และสร้างสรรค์ ในเรื่องสถานะของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ พร้อมยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขา กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนยังแข็งแกร่งอยู่ และจะมีการเจรจาต่อไปในอนาคต
“การขึ้นภาษีต่อจีน อาจจะ หรืออาจจะไม่ถูกยกเลิก ขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับการเจรจาในอนาคต” ทรัมป์ ระบุ