กูเกิล ผู้ให้บริการค้นหาข้อมูลออนไลน์รายใหญ่ ระบุ กฎหมายต่อต้านข่าวปลอม ที่รัฐสภาสิงคโปร์เพิ่งอนุมัติออกมานั้น อาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนานวัตกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศนี้ต้องการตามแผนการที่จะขยายอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.) รัฐสภาสิงคโปร์ได้ผ่านร่างกฎหมาย “การป้องกันจากการหลอกลวงทางออนไลน์และใบแจ้งหนี้” ซึ่งเป็นกฎหมายที่ตกเป็นเป้าวิจารณ์ของกลุ่มสิทธิมนุษยชน นักหนังสือพิมพ์ และบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ จากความกังวลว่า อาจเป็นเครื่องมือที่ทางการนำมาใช้เพื่อสกัดกั้นการแสดงความเห็นอย่างเสรี
การผ่านกฎหมายฉบับดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สิงคโปร์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางการเงิน และการขนส่ง กำลังดำเนินความพยายามที่จะปรับสถานะตัวเองให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาค ซึ่งกูเกิล เตือนว่า กฎหมายนี้อาจบั่นทอนความพยายามดังกล่าว
“เรายังกังวลว่า กฎหมายฉบับนี้ จะส่งผลกระทบต่อนวัตกรรม และการเติบโตของระบบนิเวศสารสนเทศ”
กฎหมายฉบับใหม่นี้ กำหนดให้แพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ต้องแก้ไข หรือลบเนื้อหา ที่รัฐบาลมองว่า ไม่ใช่เรื่องจริง โดยมีการกำหนดโทษปรับสำหรับการฝ่าฝืนสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือจำคุกสูงสุด 10 ปี
รัฐมนตรียุติธรรมสิงคโปร์ ยืนยันว่า กฎหมายฉบับใหม่ จะไม่ส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยที่ผ่านมา สิงคโปร์ระบุว่า ประเทศมีความอ่อนไหวต่อข่าวปลอม เพราะเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค เป็นประเทศที่มีประชาชนหลายเชื้อชาติ และศาสนาอาศัยอยู่ร่วมกัน และมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเป็นวงกว้าง
ขณะที่ไซมอน มิลเนอร์ รองประธานบริหารฝ่ายนโยบายสาธารณะ ของเฟซบุ๊ก ภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก ก็ได้แสงความกังวลถึงเรื่องนี้เช่นกัน โดยเฉพาะการที่ให้อำนาจทางการสิงคโปร์อย่างมาก ในการกำจัดเนื้อหาที่พิจารณาว่าเป็นเรื่องปลอม
ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก และรัฐบาลสิงคโปร์เกิดความขัดแย้งกันขึ้นเมื่อปีที่แล้ว จากการที่สื่อสังคมออนไลน์รายใหญ่รายนี้ ปฏิเสธไม่ยอมถอดบทความออนไลน์เกี่ยวกับธนาคารแห่งต่างของสิงคโปร์ กับกองทุนเพื่อการพัฒนามาเลเซีย วันเอ็มดีบี ที่มีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการฉ้อโกงอยู่ อันเป็นบทความที่รัฐบาลสิงคโปร์ ระบุว่า เป็นเรื่องเท็จ และเป็นอันตราย
