นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเร่งหารือหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อเตรียมรับมือกรณีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ประกาศเริ่มกระบวนการไต่สวนตามมาตรา 232 ของกฎหมายการขยายการค้าของสหรัฐ เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายใน ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงสหรัฐ หากผลการไต่สวนมีมูล อาจทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนจากประเทศต่างๆ เช่นเดียวกับที่ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมไปแล้ว
“กระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์การใช้มาตรการทางการค้าของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมวางแผนรับมือ และบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพราะสหรัฐเป็นตลาดส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ลำดับ 1 ของไทย และยังเป็นตลาดส่งออกยานยนต์ลำดับที่ 11 ด้วย”
ทั้งนี้ การส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ไปสหรัฐมีมูลค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2555-2560) อยู่ที่ 2,750 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 14.5% ของมูลค่าการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์โดยรวมของไทย โดยชิ้นส่วนยานยนต์ที่ไทยส่งออกไปสหรัฐ เช่น ยางล้อ เครื่องยนต์ แผงคอนโซล ถุงลมนิรภัย ฝาสูบ พวงมาลัย ส่วนประกอบของเครื่องสูบของเหลว เพลา และมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไทยอยู่ระหว่างการหารือกับสหรัฐ เพื่อขอให้สหรัฐยกเว้นการใช้มาตรการ 232 ขึ้นภาษีสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าจากไทยเป็นรายประเทศ และในระหว่างนี้ กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้ช่วยผู้ส่งออกแก้ไขปัญหา โดยได้ประสานผู้นำเข้า ซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้าในสหรัฐเพื่อดำเนินการยื่นขอยกเว้นจากการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าเป็นรายการสินค้าตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐกำหนด ซึ่งบริษัทที่มีการยื่นคำขอดังกล่าวได้รับการพิจารณายกเว้นจากการถูกเรียกเก็บภาษีตามที่ร้องขอแล้ว
