General

ฝูงบิน ‘โดรน’ 333 ลำ เตรียมพร้อมแปรอักษรถวายราชสดุดีจักรีวงศ์คืนนี้

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้อากาศยานไร้คนขับ หรือ “โดรน” กลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับรองรับภารกิจสำคัญในหลายเรื่อง ทั้งสภาพอากาศ อุบัติภัย และบันทึกเหตุการณ์สำคัญต่างๆ

ครั้งนี้เป็นวาระพิเศษยิ่ง ที่มีการนำ “โดรน” ออกมาทำภารกิจแปรอักษร ถวายราชสดุดีจักรีวงศ์ เพื่อถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562 ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2562 ณ บริเวณท้องสนามหลวง

1201

นับเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการนำโดรน เพื่อใช้ในการแปรอักษร โดยนำโดรน ประเภทอากาศยานแบบ 4 ใบพัดมาใช้  ขนาด: 413 x 413 x 100 มม.  น้ำหนัก: 700 กรัม  จำนวนสีหลอดไฟ LED : 16 ล้านสี พัฒนาโดยสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลอง และวิทยุบังคับ (RSCA) ร่วมกับบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV ) ในเครือบริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. โดยได้รับการสนับสนุนจาก 8 บริษัทในกลุ่มปตท.

การจัดแสดงครั้งนี้ ได้มีการจัดเตรียมโดรนจำนวนทั้งสิ้น กว่า 333 ลำ บินที่ความสูงไม่เกิน 80 เมตร ประกอบด้วยการแสดง 2 ชุด ต่อเนื่องกัน เป็นการแปรอักษรรวมทั้งสิ้น 10 ภาพ ระยะเวลาประมาณ 30 นาที ประกอบบทเพลงซิมโฟนีที่ได้มีการประพันธ์ขึ้น เพื่อใช้ในโอกาสนี้โดยเฉพาะ เป็นผลงานการประพันธ์ และควบคุมการบันทึกเสียงโดย พ.อ.ประทีป สุพรรณโรจน์ และ บรรเลงโดยวงไทยซิมโฟนี ดูแลโดยมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข

การแสดง 2 ชุด ประกอบด้วย 1. การแสดงชุด “เทิดไท้องค์ราชัน” ประกอบบทเพลงในชื่อ “เพลงบรมราชาภิเษก” (Coronation) แสดงถึงความจงรักภักดี ของพสกนิกรทั่วทุกหมู่เหล่า ซึ่งต่างร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของราชวงศ์จักรี และเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พร้อมถวายพระพร เนื่องในวาระมหามงคลของแผ่นดิน

1202
การแสดงในชุดนี้ ใช้โดรน จำนวนทั้งสิ้น 167 ลำ แสดงเป็นระยะเวลาประมาณ 8 นาที เป็นรูปภาพต่างๆ โดยบางส่วนได้จัดแสดงแล้วในค่ำคืนของวานนี้ ( 5 พ.ค.) ขณะที่ริ้วขบวนพยุหยาตราทางสถลมารคเลี้ยวกลับเข้าพระบรมมหาราชวัง ประกอบด้วย 7 ชุด ดังนี้

1. แผนที่ประเทศไทย
2. ธงชาติไทย
3. อักษร คำว่า “ราชวงศ์จักรี”
4. ตัวเลข “๑๐” ไทย
5. พระปรมาภิไธยย่อ วปร.
6. พระบรมสาทิสลักษณ์ รัชกาลที่ 10
7. อักษร คำว่า “ทรงพระเจริญ”

1203

สำหรับบทเพลง “เพลงบรมราชาภิเษก” ที่ใช้ประกอบการแสดงในชุดดังกล่าว ประพันธ์โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก “พระราชพิธี บรมราชาภิเษก” ซึ่งเป็นพระราชพิธีประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ที่ยังคงสืบทอดมายาวนานจนถึงทุกวันนี้ บทเพลงนี้ แสดงออกถึงการเทิดทูนพระปรีชาญาณ ของพระมหากษัตริย์ในจักรีวงศ์ ที่ได้ทรงสร้างราชอาณาจักรไทย ให้มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น ความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศ และมีความสงบสุขสามัคคีของประชาชนทุกหมู่เหล่า ตั้งแต่เริ่มต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จนมาถึงปัจจุบันอันเป็นรัชสมัยของรัชกาลที่ 10 ที่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งชาติ

1204

2. การแสดงชุด “สัญลักษณ์แห่งชาติ” ประกอบบทเพลงในชื่อ “เพลงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ” (Majesty) แสดงถึงสัญลักษณ์ประจำชาติไทย ที่สื่อถึงประวัติศาสตร์ของชาติ และประเพณีที่มีมาอย่างยาวนาน ใช้โดรน จำนวนทั้งสิ้น 68 ลำ แสดงเป็นระยะเวลาประมาณ 7 นาที เป็นรูปร่างต่างๆ ดังนี้

1. ภาพธงชาติไทย ประกอบด้วย 3 สีหลักได้แก่ สีแดง สีขาว และสีน้ำเงิน อันหมายถึง ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีการ เรียกชื่อธงนี้ว่า “ธงไตรรงค์” โดยมีนิยามความหมาย ของไตรรงค์ ว่า สีแดง หมายถึง เลือดอันยอมพลีให้แก่ชาติ สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์แห่งพระพุทธศาสนา และธรรมะ และสีน้ำเงิน หมายถึง สีส่วนพระองค์ขององค์พระมหากษัตริย์

2. ภาพช้างไทย เพราะ ช้าง ถือเป็นสัตว์ประจำชาติ เป็นสัตว์ เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ และประเพณีของไทยมาช้านาน รู้จักกันแพร่หลาย และมีอายุยืนนาน

3. ภาพดอกราชพฤกษ์  หรือ คูน เป็นดอกไม้ประจำชาติ เนื่องจากเป็นต้นไม้พื้นเมือง ที่รู้จักกันแพร่หลาย สามารถขึ้นได้ทุกภาคในประเทศไทย และยังใช้ประโยชน์ได้มาก นอกจากนี้ ยังมีประวัติเกี่ยวข้องกับประเพณีของชาวไทย เพราะเป็นไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลนาม แก่นไม้ราชพฤกษ์ เคยใช้ในพิธีสำคัญมาก่อน เป็นไม้ที่มีอายุยืนนาน มีทรวดทรง และพุ่มงาม มีดอกเหลืองอร่ามเต็มต้น

1205

สำหรับบทเพลงที่ใช้ประกอบการแสดงในชุดนี้ มีชื่อว่า “เพลงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ” (Majesty) ซึ่งผู้ประพันธ์ได้รับแรงบันดาลใจ จากบทเพลงสวดแห่งสรวงสวรรค์ (Hymns) ที่ผู้ศรัทธาต่างขับร้อง เพื่อแสดงออกถึงการแซ่ซ้อง สรรเสริญถึงพระผู้สถิตในสรวงสวรรค์ที่ได้ทรงเสด็จมายังโลกมนษุย์ เพื่อปราบทุกข์เข็ญ และนำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุข ให้กับราษฎรของพระองค์

ประวัติศาสตร์การนำโดรนออกมาแปรอักษรในวาระพิเศษยิ่งของประเทศไทยครั้งนี้ ประชาชนต่างใจจดจ่อที่จะได้รับชมในช่วงค่ำคืนของวันนี้เวลาประมาณ 19.00 น. เพื่อร่วมกันถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562

 

ขอบคุณข้อมูลจาก บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV )

Avatar photo