“กรุงเทพโพลล์” เปิดผลสำรวจผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่หวังให้รัฐบาลใหม่ปรับขึ้นค่าแรงเป็น 400 บาททันที พร้อมขอให้ควบคุมราคาสินค้า ไม่ให้กระทบค่าครองชีพ
“กรุงเทพโพลล์” โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นเรื่อง “ปรับค่าแรงขั้นต่ำกับความหวังของแรงงานไทย” โดยเก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้แรงงานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,160 คน พบว่า ผู้ใช้แรงงาน 42.1% ระบุว่า ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำที่ได้รับในแต่ละวันพอดีกับค่าใช้จ่าย จึงไม่มีเงินเหลือเพื่อเก็บออม ขณะที่ 31.6% ระบุว่า ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ต้องกู้ ต้องหยิบยืม ส่วน 26.3% ระบุว่าเพียงพอกับค่าใช้จ่ายและมีเงินเก็บออม
เมื่อถามว่านโยบายหาเสียงเลือกตั้งค่าแรงขั้นต่ำ 400 – 425 บาทจากพรรคการเมืองต่างๆ มีผลต่อการตัดสินใจเลือกมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ 50.5% เห็นว่ามีผลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ 49.5% เห็นว่ามีผลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
เมื่อถามต่อว่าหากได้รัฐบาลใหม่แล้ว คาดหวังกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำหรือไม่ ส่วนใหญ่ 61.7% ระบุว่า คาดหวัง โดยในจำนวนนี้ 43.0% หวังว่าจะได้ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทเลยในทันที รองลงมา 15.3% หวังว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 400 บาทภายใน 1 – 2 ปี และ 3.4% หวังว่าไม่เกิน 3 ปี จะได้ค่าแรงถึง 400 บาท ขณะที่ 38.3% ไม่ได้คาดหวัง
ส่วนเรื่องที่กังวลมากที่สุดหากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 – 425 บาทคือ ข้าวของราคาแพงขึ้น คิดเป็น 85.9% รองลงมาคือ ค่าแรงขั้นต่ำจะไม่ขึ้นอีกหลายปี คิดเป็น 21.6% และตกงาน โดนเลิกจ้าง คิดเป็น 21.0%
เมื่อถามว่าหากภาครัฐมีการพัฒนาทักษะแรงงาน สำหรับงานและอาชีพแต่ละระดับให้เป็นมาตรฐาน เพื่อเข้าสู่การพิจารณาปรับค่าแรงมาตรฐานให้สูงขึ้น ท่านสนใจจะเข้าร่วมมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ 62.0% สนใจค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ขณะที่ 38.0% สนใจค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
สุดท้ายในฐานะแรงงานไทย อยากฝากความหวังอะไรกับรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นพบว่า ส่วนใหญ่ 79.0% อยากให้ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค บริโภค พื้นฐานไม่ให้ขึ้นราคา กระทบค่าครองชีพ รองลงมา 53.6% อยากให้ดูแลสวัสดิการความปลอดภัย ค่ารักษาพยาบาลแก่แรงงาน และ 37.7% อยากให้รัฐบาลเร่งรัดการสร้างงาน สร้างอาชีพ ลดภาวการณ์ว่างงาน
