ที่กระทรวงพลังงาน นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกว่ามีความผันผวนและปรับตัวสูงขึ้นทำให้ราคาน้ำมันเกิน 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 24 พฤษภาคม มีราคาที่ 29.79 บาทต่อลิตร ซึ่งมีราคาใกล้แตะที่ 30 บาทต่อลิตร กบง.จึงมีมติบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นราคาของน้ำมันดีเซลต่อประชาชน ด้วยการตรึงราคาดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเครื่องมือในการอุดหนุน
ส่วนกรณี LPG ที่ประชุม กบง.มีมติบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นราคาของ LPG ต่อประชาชนที่ปัจจุบันอยู่ในระดับสูงถึง 395 บาทต่อถัง (15 กก.) โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ชดเชยเพิ่มขึ้น เพื่อให้ราคา LPG อยู่ในระดับถังละ 363 บาทต่อถัง (15 กก.) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป คาดว่าราคา LPG ในตลาดโลกในช่วงฤดูร้อนนี้จะลดลงสู่ภาวะปกติเป็น 353 บาทต่อถัง ( 15 กก.) ในระยะต่อไป
นายศิริ กล่าวถึงแนวทางการช่วยเหลือราคาน้ำมัน และก๊าซ LPG ซึ่งมี 2. มาตรการ 1. ใช้กลไกกองทุนน้ำมันตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร และสนับสนุนการใช้ B 20 ในภาคขนส่ง ซึ่งมีราคาต่ำกว่าดีเซล 3 บาทต่อลิตร ช่วยบรรเทาต้นทุนของผู้ประกอบการขนส่งและ รถโดยสารสาธารณะลงได้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ จึงไม่มีความจำเป็นที่ผู้ประกอบการรถขนส่งหรือรถโดยสารสาธารณะขึ้นค่าโดยสาร รวมทั้งเรือโดยสาร เพื่อให้การดำเนินการส่วนนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
นอกจากนี้ ทางกรมธุรกิจพลังงานได้เตรียมคู่มือสำหรับให้ผู้ประกอบการที่จะปรับปรุงเพื่อรองรับB 20 ได้ ซึ่งผู้ประกอบการจะมีเวลาภายใน 1 เดือน จากนี้ไปเพื่อเข้าร่วมโครงการปรับแต่งเครื่องยนต์เพื่อใช้ B 20 ส่วนการผลิตน้ำมันดีเซลเกรดพิเศษB 20เป้าหมายหลักช่วยภาคการเกษตร
สำหรับเงินกองทุนน้ำมันปัจจุบันมีอยู่30,500 ล้านบาท มีการคำนวณแล้วว่าน่าจะเพียงพอ และรองรับกับราคาดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาทได้ เป็นเวลา 10 เดือน ในกรณีที่น้ำมันดิบในตลาดโลกราคาไม่เกิน 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในส่วนของก๊าซ LPG อยู่ในช่วงขาลง จะปรับลดราคาถัง 15 กก. เหลือ 363 บาท จะใช้ใช้กองทุนช่วย 10 บาทต่อถัง แต่แนวโน้มน่าจะลดอีก 20 บาทต่อถัง