มาแล้วจ้าๆๆ บางกอกซุบซิบ หลังจากห่างหายไปนาน วันนี้ขอพักไฮซ้อ ไฮโซ ชั่วขณะ แต่จะพาไปเดินเล่นฟังเสียงเม้าท์มอยแถวทุ่งสวนพลูซักหน่อย…มีอะไรน่าสนใจยิ่งว่ากันว่าเบิกฤกษ์ทำงานได้ไม่ทันไร ทุ่งสวนพลู ก็มีความเคลื่อนไหว เมื่อ ว.0 มหาเมฆ 1 เรียกประชุมด่วน ปรับทัพกำลังพลยกเครื่องใหม่กันใหญ่
ทำเอา!! เสียงนกกระจิบ นกกระจอกในทุ่งสวนพลู ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว ดึงนายตำรวจระดับ “นายพล” เข้ามาช่วยราชการ จะว่าไปในวงการก็รู้มือกันอยู่ ชื่อเสียงเรียงนามเป็นเช่นใด แต่ที่แน่ๆ การปรับทัพครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่ปรับทัพงาน..แต่อาจมีนัยยะอื่นด้วยหรือไม่ อันนี้ บางกอกซุบซิบ ว่าน่าคิด น่าติดตามเชียวนะ
หนำซ้ำไม่รู้ว่าเรียกส้มหล่นได้หรือไม่ เพราะนกกระจอกคาบข่าวมาบอก บางกอกซุบซิบ ว่าโครงการไบโอเมทริคทำมา 4 ผู้บัญชาการ ใช้งบลงทุนรวม 6,000,000,000 บาท ยังใช้การไม่ได้ พอมารุ่นที่ 5 พบปัญหาล็อตใหญ่ โดยเฉพาะความพร้อมของอุปกรณ์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีล้าหลัง เชื่อมต่อระบบจะแม่ข่าย หรือลูกข่ายก็ไม่ผ่าน แถมทำเอาระบบล่มหยุดชะงักหลายชั่วโมง แค่พยายามทดสอบ ทำให้ต้องปรับองคาพยพกันชุดใหญ่ เพื่อเทียบเคียงเทคโนโลยีให้คุ้มกับการลงทุนสักหน่อย
มันน่าคิดยังไม่ทันสำเร็จก็ต้องเปลี่ยน “ม้ากลางศึก” ซะงั้น งานนี้จึงต้องลุ้นกันต่อว่าจะมีล็อกหวยแค่ไหน หรือเปลี่ยนแปลงกันขนานใหญ่แบบไหน แต่ยังไม่ทันไรลือสะพัด ทำนอง “แม่ทัพใหญ่” สะบัดปลายปากกาเซ็นคำสั่งวันเดียวสองชุดใหญ่ ดึงรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคเจ็ด รู้กันเป็นอย่างดีในแวดวงคนทำงาน…ว่าเป็นมือระดับพระกาฬ ให้มาเป็นผู้กุมบังเหียน แถมยังส้มหล่น ได้คุมการตรวจรับโครงการไบโอเมทริค ส่วนจะมีประสบการณ์แค่ไหนอย่างไร บางกอกซุบซิบ ไม่ขอบอก อยากรู้ต้องไปถามคนในสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเอง
ที่ส่งกลิ่นยิ่งกว่าอะไรเสียอีก ก็เห็นจะเป็นของใน “ถุงกล้วยแขก” งานนี้หากผู้บริหารบ้านเมือง ยังนิ่งเฉย สิ่งที่เดินเครื่องไว้ไม่เพียงจะเสียเปล่า อาจต้องเสียโอกาสให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน….นะจะบอกให้
ก่อนหน้านี้ มีการปฏิเสธค่าธรรมเนียมการเข้าประเทศหรือที่เรียกว่า “โนทิป” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างรายได้เข้าประเทศ แม้หลายคนต้องอดทนกินเจอยู่แรมเดือน แต่ก็เป็นอาหารบริสุทธิ์ อิ่มเท่าที่พึงมี แม้จะเหนื่อยยากกันบ้าง แต่หลายคนก็บอกว่า ไม่ต้องทนเสียงด่าและสาปแช่ง เรียกว่า “ไพร่ฟ้าหน้าใส” แต่มาตอนนี้เริ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้น ไม่รู้ได้ยาดีอะไรมา บางกอกซุบซิบ อยากรู้จังเลย
เฮ้ยๆๆ ยังไม่รู้อนาคตจะปรับอีกกี่กระบวนท่าแต่แว่วมา อาจมีการปรับอีกระลอก โดยเฉพาะโครงการที่ได้ริเริ่มไว้ ที่หวังกระตุ้นนักท่องเที่ยว ด้วยระบบบริการชั้นพรีเมี่ยม ไม่เพียงลดการรอคิวความสะดวกสบายที่รวดเร็วจากเทคโนโลยี ยังทำให้เจ้าหน้าที่อดหลับอดนอนน้อยลง
ว่ากันว่าโครงการนี้ หากปรับเปลี่ยนเงื่อนไขหรือเปลี่ยนมือผู้ควบคุมเทคโนโลยี อาจมีเงินสะพัดหลายร้อยล้าน ส่วนจะกระะเด็นกระดอนเข้ากระเป๋าใครอย่างไร ก็ต้องจับตาไพ่ใบต่อไปที่จะหงายออกมา แล้วอย่าคิดว่าเม็ดเงินที่ควรสะพัดจุนเจือปากท้องผู้ประกอบการสายท่องเที่ยว อาจไม่เป็นอย่างเคย และคนที่ถูกเอาเปรียบก็คงเป็นคนที่อยากมาเยือนสยามเมืองยิ้ม อย่างนี้ผู้บริหารระดับประเทศจะว่ายังไง หรือจะปล่อยเฉยๆ เดี๋ยวเงียบเองอย่างนั้นหรือ
หากผู้มีอำนาจไม่ทำอะไรอย่าหาว่า บางกอกซุบซิบ ไม่เตือนนะ
ฉาวโฉ่! โยกย้ายสีกากี ‘สอดไส้’ ก็ทำได้!!
