ญี่ปุ่น และจีน ออกโรงวิจารณ์สหรัฐอย่างหนัก หลังรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พิจารณาที่จะเรียกเก็บภาษีต่อรถยนต์ และรถกระบะนำเข้า โดยพิจารณาจากกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ
การจัดเก็บภาษีดังกล่าว อาจสูงถึง 25% จากปัจจุบันที่เรียกเก็บอยู่ 2.5% เนื่องจากการสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 232 ในกฎหมายขยายการค้าปี 2505 จะเป็นการตรวจสอบดูว่า การนำเข้ารถ และชิ้นส่วน เป็นภัยคุกคามต่อสถานะของอุตสาหกรรมรถยนต์ท้องถิ่น รวมถึง ความสามารถในด้านการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือไม่
นายโชิฮิเดะ สุกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า การออกมาตรการการค้าใดๆ ควรที่จะสอดคล้องกับข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) และว่า จะจับตามองสถานการณ์นี้อย่างระมัดระวัง
ขณะที่นายฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีการค้าญี่ปุ่น ย้ำว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวของสหรัฐ จะทำให้ตลาดโลกตกอยู่ในภาวะวุ่นวาย พร้อมยืนยันถึงความสำคัญที่จะต้องปฏิบัติตามกฎของดับเบิลยูทีโอ
ทางด้านนายเกา เฟิ่ง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน แถลงว่า จีนคัดค้านข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดความมั่นคงของชาติ ซึ่งจะทำลายระบบการค้าแบบพหุภาคีอย่างร้ายแรง และทำให้ระบบการค้าโลกตกอยู่ในภาวะปั่นป่วน
ทั้งนี้ นายทรัมป์ได้ให้คำแนะนำแก่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ดำเนินการสอบสวนผลกระทบจากการนำเข้ารถ และชิ้นส่วน ที่มีต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งนายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีพาณิชย์ สหรัฐ ระบุว่า มีพยานหลักฐานที่บางชี้ว่า การนำเข้าสินค้าประเภทนี้ บั่นทอนอุุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐมานานหลายทศวรรษแล้ว
“กระทรวงพาณิชย์ จะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด ยุติธรรม และโปร่งใส่ ว่า การนำเข้านี้ ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอ หรืออาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ หรือไม่ ”
ขณะที่ผู้นำสหรัฐเองก็ได้ทวีตว่า “จะมีข่าวใหญ่เกิดขึ้นในไม่ช้านี้สำหรับแรงงานรถยนต์อเมริกันอันยิ่งใหญ่ของเรา หลังจากหลายทศวรรษที่ผ่านมา ต้องสูญเสียงานไปให้กับประเทศอื่น พวกคุณรอคอยกันมานานพอแล้ว”