แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มบริษัทธุรกิจรายใหญ่ของเกาหลีใต้ เตรียมระงับการผลิตสมาร์ทโฟนจากโรงงานในเมืองเปียงแทกชานกรุงโซล ไปยังโรงงานในเมืองไห่ฟอง ทางตอนเหนือของเวียดนาม โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้หน่วยงานด้านสมาร์ทโฟนของบริษัทกลับมาทำกำไรได้
โรงงานเปียงแทกของแอลจี อิเล็กทรอนิกส์ มีกำลังการผลิตสมาร์ทโฟนปีละ 5 ล้านเครื่อง ซึ่งการย้ายฐานการผลิตนี้ จะทำให้โรงงานในไห่ฟองมีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 11 ล้านเครื่อง นอกจาก 2 ประเทศนี้แล้ว แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ ยังผลิตสมาร์ทโฟนในจีน อินเดีย และบราซิล
เมื่อปีที่แล้ว แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ มียอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกราว 40 ล้านเครื่อง คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 3% ของตลาดโลก แต่มีตัวเลขขาดทุนจากการดำเนินงานรายไตรมาสต่อเนื่องกันมาเกือบ 4 ปีแล้ว
รายงานจากสื่อเกาหลีใต้ ระบุว่า การย้ายฐานผลิตข้างต้น น่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของบริษัทลงได้ เพราะค่าแรงขั้นต่ำในเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ราว 1 ใน 8 ของค่าแรงขั้นต่ำในเกาหลีใต้
การปรับโครงสร้างที่เกิดขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากภาวะซบเซาในตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งข้อมูลจากอินเตอร์เนชันแนล ดาต้า คอร์ป (ไอดีซี) ระบุว่า ในปี 2560 ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยตลาดสมาร์ทโฟนถึงจุดอิ่มตัว จากการพัฒนาใหม่ๆ ที่เริ่มชะลอตัวลง และเหล่าผู้ผลิตคิดค้นฟีเจอร์ใหม่ได้ยากขึ้น
สื่อเกาหลีใต้ ระบุด้วยว่า ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนในเกาหลีใต้ ผลิตสินค้าคิดเป็นสัดส่วนราว 11% ของยอดการผลิตทั่วโลกเมื่อปี 2551 แต่วิกฤติการเงินโลกที่เริ่มต้นขึ้นในปีเดียวกันนี้ ทำให้ซัมซุง และแอลจี ย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศ เพื่อลดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้เมื่อถึงปี 2561 เกาหลีใต้มียอดการผลิตสมาร์ทโฟนเพียง 1% ของยอดการผลิตโดยรวมทั่วโลก
การเคลื่อนไหวดังกล่าวของแอลจี ยังเป็นไปได้ตามกระแสของบริษัทเกาหลีใต้รายอื่นๆ ที่ขยายการลงทุนเข้าไปในเวียดนาม ที่ผงาดขึ้นมาเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่สุดอันดับ 3 ของเกาหลีใต้เมื่อปีที่แล้ว รองจากจีน และสหรัฐ เนื่องจากบริษัทเกาหลีใต้ต้องส่งสินค้า เพื่อนำไปผลิตขั้นสุดท้ายที่ประเทศนี้
บริษัทเกาหลีใต้จำนวนมาก รวมถึง ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ แอลจี และซีเจ เลือกที่จะเปิดโรงงานผลิตในเวียดนาม เพื่อลดต้นทุน และตั้งเป้าที่จะเจาะตลาดท้องถิ่นมากขึ้น
“ประเทศอาเซียนเกือบทั้งหมด อยู่ภายใต้อิทธิพลของญี่ปุ่น แต่เวียดนามถือเป็นข้อยกเว้น เป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเกาหลีใต้” ลี แต จู ประธานสถาบันพัฒนาปรับภาพลักษณ์ใหม่ กล่าว
ทางด้านนักลงทุนในแอลจี อิเล็กทรอนิกส์ พากันขานรับการตัดสินใจครั้งนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้น 4.48% สวนทางกับขาลงของตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้
“การย้ายฐานผลิตไปยังเวียดนาม แสดงให้เห็นว่า แอลจีต้องการที่จะลดต้นทุนด้านแรงงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัทมุ่งความสนใจมาตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา เพื่อฟื้นกิจการให้กลับมาเป็นธุรกิจที่ทำกำไร” คิม โร โก นักวิเคราะห์จากฮานา ไฟแนนเชียล อินเวสต์เมนท์ กล่าว
