Politics

เดินหน้า! ‘กกต.’ เตรียมเคาะสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์หลังประกาศผลเลือกตั้ง

“กกต.” ลั่นพร้อมเดินหน้าตามอำนาจใช้สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ หลังศาลรัฐธรรมนูญไม่รับตีความ ย้ำรอประกาศรับรองผล ส.ส.ทางการก่อนค่อยทำ ยันมีอำนาจตรวจสอบคุณสมบัติก่อน-หลัง

แสวง บุญมี e1556181963879

นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงว่า มติที่ประชุมถึงวิธีการคำนวณจำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องวินิจฉัยว่าจะใช้สูตรใด ซึ่งกกต.จะดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการคำนวณจำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ภายหลังการประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.แล้ว โดยคำนึงถึงวิธีการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 128 ที่สำนักงาน กกต. เสนอให้คณะกรรมการพิจารณา หรือวิธีการคำนวณอื่นๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้จำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยวิธีการคิดคำนวณสูตร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สำนักงาน กกต. ได้เสนอไปยัง กกต. แล้ว และเคยชี้แจงกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ตั้งแต่การร่างรัฐธรรมนูญ จนถึงการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561

“วันที่มีสูตรยังไม่ทราบว่ามีพรรคใดลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่เมื่อมีการเลือกตั้ง และการประกาศผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ก็มีวิธีคิดต่างกันได้ภายใต้กฎหมายตัวเดียวกัน จึงเป็นที่มาในการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าทำได้หรือไม่ และเมื่อศาลวินิจฉัยมาว่าไม่รับพิจารณา กกต. จึงรอให้ประกาศรายชื่อและรับรอง ส.ส. ครบก่อน คือ ไม่เกินวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งจะใช้สูตรใดก็จะเสนอให้ กกต. พิจารณา โดยพิจารณาทั้งสูตรคำนวณของสำนักงาน กกต. และสูตรจากบุคคลภายนอกที่เสนอมา”

ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า กกต. มีอำนาจในการตรวจสอบคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามหลังวันเลือกตั้งได้หรือไม่ หรือทำไมไม่ตรวจสอบให้เสร็จสิ้นในวันสมัครรับเลือกตั้งในคราวเดียวกัน นายแสวง กล่าวว่า นิยามคำว่าคุณสมบัติ คือ ลักษณะประจำตัวบุคคล ต้องมีมาก่อนการได้มาซึ่งสิทธิหรือตำแหน่งตามกฎหมายการกำหนดคุณสมบัติ จะเป็นการกำหนดเพื่อให้บุคคลลักษณะเดียวกัน ณ วันสมัครรับเลือกตั้ง กกต. สามารถตรวจสอบคุณสมบัติได้เพราะมีเอกสารรับรองหรืออ้างอิงทุกรายการ

ส่วนลักษณะต้องห้าม คือ ลักษณะที่กำหนดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อห้ามมิให้ผู้มีลักษณะบางประการที่กำหนดไว้หรือพฤติกรรมที่ไม่สมควรเป็นผู้ดำรงตำแหน่งนั้น ณ วันรับสมัครเลือกตั้ง กกต.จะตรวจสอบได้เพียงลักษณะต้องห้ามที่มีข้อมูลอยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีอยู่จำนวน 23 หน่วยงาน แต่ถ้าเป็นลักษณะต้องห้ามที่อยู่ในความครอบครองของเอกชน อาจไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงต้องให้ผู้สมัครรับรองตนเองไว้ว่าเป็นผู้ไม่มีลักษณะต้องห้าม

ทั้งนี้ หากภายหลังความปรากฏว่าเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง กกต. ก็จะดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามที่กฎหมายระบุไว้ ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังวันเลือกตั้งหรือวันประกาศผลการเลือกตั้ง ซึ่งกรณีการตรวจสอบลักษณะต้องห้ามที่ กกต. กำลังดำเนินการอยู่เป็นกรณีที่มีผู้ร้องว่าอาจมีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง กกต.จึงต้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้สิ้นกระแสความ

สำหรับกรณีที่ กกต. สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่และสั่งระงับสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้งไว้ชั่วคราว กกต. ไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการหาเสียงหรือการกระทำอันเป็นการต้องห้ามในการหาเสียงให้แก่ผู้สมัครและพรรคการเมือง ทำให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองไม่มีแนวทางในการปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว กกต.ได้ออกระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียง และลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 91

นายแสวง กล่าวต่อว่า ซึ่งกรณีการให้เสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงินทรัพย์สินไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ผู้ใดชุมชนสมาคมมูลนิธิ สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันใด ตามมาตรา 73 ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการหาเสียงในเรื่องดังกล่าวไว้ในข้อ 18 (4) ของระเบียบ กกต. ว่าด้วยการหาเสียงว่าการช่วยเหลือเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใดตามประเพณีต่างๆกระทำมิได้ ทั้งนี้ กกต. ได้มีหนังสือตอบรับข้อหารือของพรรคการเมืองที่ได้มีหนังสือขอหารือเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติในกรณีดังกล่าว และได้แจ้งให้พรรคการเมืองทราบ รวมทั้งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของสำนักงาน กกต. เป็นการทั่วไปก่อนการเลือกตั้งแล้วด้วย

อย่างไรก็ตาม การที่ กกต. มีมติแจ้งข้อกล่าวหานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่าเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากกรณีการโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่ง กกต. ให้นายธนาธรชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน 7 วัน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 1 พฤษภาคม และขณะนี้เอกสารได้ส่งไปถึงที่พรรคแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ คือ รอให้นายธนาธร เข้าชี้แจงด้วยตัวเองหรือมอบหมายทนายความมาแทน

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight