Business

‘3 แบงก์’ ขึ้นท็อปลิสต์ ‘การเงินที่เป็นธรรม’

แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย เปิดคะแนน”การเงินที่เป็นธรรม” 9 ธนาคาร เทียบนานาชาติ เผย 3 แบงก์ “กสิกรไทย – ไทยพาณิชย์ – กรุงไทย” ขึ้นท็อปลิสต์

แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand) เผย ผลการประเมินนโยบายของสถาบันการเงินในประเทศไทย ประจําปี 2562 โดยใช้แนวปฏิบัติการเงินที่เป็นธรรมนานาชาติ (Fair Finance Guide International) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัด“การเงินที่เป็นธรรม” ถูกใช้เพื่อผลักดันให้เกิด “การธนาคารที่ยั่งยืน”มาแล้วใน 9 ประเทศ ได้แก่ เบลเยียม บราซิล ฝรั่งเศส เยอรมนี อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน

โดยประเทศไทยเป็นสมาชิกในลำดับที่ 10 เมื่อประเมินจากเนื้อหานโยบายและแนวปฏิบัติในการลงทุน และการให้บริการทางการเงินของสถาบันการเงิน เปรียบเทียบกับมาตรฐานสากล ด้านความยั่งยืนที่เกี่ยวข้อง พบว่าค่าเฉลี่ยจาก 9 ธนาคารไทย ได้คะแนนเพียง 12.62% ซึ่งต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยนานาชาติ อยู่ที่ 46.86%

 สฤณี อาชวานันทกุล หัวหน้าคณะวิจัยแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย  กล่าวว่า คะแนนนี้สะท้อนว่าธนาคารไทยยังมีช่องทางที่จะพัฒนาได้อีกมาก โดยเฉพาะการออกนโยบายสินเชื่อ ที่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน และผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม แต่ในแง่บวก ธนาคารหลายแห่งมีความตื่นตัวเรื่องสิทธิผู้บริโภคมากกว่าในอดีต ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องการให้บริการทางการเงินที่เป็นธรรม

 

มาตรฐานสากลด้านความยั่งยืนที่เกี่ยวข้อง ใน 12 หัวข้อ ที่นำมาใช้ในการประเมินนโยบาย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การทุจริตคอร์รัปชัน ความเท่าเทียมทางเพศ สิทธิมนุษยชน สิทธิแรงงาน ธรรมชาติ ภาษี อาวุธ การคุ้มครองผู้บริโภค การขยายบริการทางการเงิน การตอบแทน ความโปร่งใสและความรับผิด โดยธนาคารที่ขึ้นท็อปลิสต์  3 อันดับแรก คือ ธนาคารกสิกรไทย 17.46% ธนาคารไทยพาณิชย์ 14.66% และธนาคารกรุงไทย 14.22%

สฤณี อาชวานันทกุล หัวหน้าคณะวิจัย แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย
สฤณี อาชวานันทกุล

เป็นที่น่าสนใจว่าจาก 9 ธนาคาร มีเพียงธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มีนโยบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ท่ามกลางกระแสการรณรงค์ลดโลกร้อน ที่ผู้บริโภคเริ่มเห็นความสำคัญ อีกทั้งยังไม่มีธนาคารใดที่อยู่ในการประเมินนี้ ได้รับคะแนนในหัวข้อธรรมชาติ ชี้ให้เห็นว่ายังขาดคำมั่นสัญญาว่า จะไม่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่อุตสาหกรรมที่สุ่มเสี่ยง ที่จะก่อผลกระทบทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้านความเท่าเทียมทางเพศ  มีเพียงธนาคารกรุงเทพและธนาคารเกียรตินาคิน ที่ได้คะแนนเนื่องจากมีนโยบายที่ชัดเจน

ด้านสิทธิมนุษยชน  นับเป็นเรื่องพื้นฐานของสังคม มีเพียงธนาคารกสิกรไทยและธนาคารไทยพาณิชย์ เพียง 2 แห่งที่มีนโยบายรับหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ธนาคารที่อยู่ในการประเมินนี้ มีทั้งสิ้น 9 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารธนชาต ธนาคารทหารไทย ธนาคารทิสโก้ และธนาคารเกียรตินาคิน  เป็นการประเมินครั้งแรก

ภายหลังการกำเนิด แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair FinanceThailand) ในปี 2561 ที่มีสมาชิกประกอบด้วยบริษัทวิจัย ป่าสาละ จำกัด และองค์กรภาคประชาสังคม ได้แก่ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม และมูลนิธิบูรณะนิเวศ มุ่งติดตามผลกระทบและความท้าทายของธุรกิจธนาคารต่อสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภค และผลักดันภาคธนาคารไทยให้ก้าวสู่แนวคิดและวิถีปฏิบัติของ”การธนาคารที่ยั่งยืน” (Sustainable Banking) อย่างแท้จริง

 ทิศทางการธนาคารที่ยั่งยืน 

สวิสา อริยปรัชญา รองผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่าธปท.เอง มองการธนาคารทั้งยั่งยืนตามกรอบของ ESG ที่ประกอบด้วยการคำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ด้านสังคม (Social) และด้านบรรษัทภิบาล (Governance) มีการจัดกิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กับสมาคมธนาคาร องค์กรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการธนาคารที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง

สวิสา อริยปรัชญา
สวิสา อริยปรัชญา

ที่ผ่านมา เรามีความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น กรณีฝุ่น PM 2.5 ที่ทำให้เม็ดเงินในการท่องเที่ยวลดลง หรือกรณีการเปลี่ยนสภาวะภูมิอากาศที่ส่งให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง  เชื่อว่าการธนาคารที่ยั่งยืนจะเป็นส่วนหนึ่งของแก่เยียวยาปัญหา นอกจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างการหารือกำหนดแนวทางกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้เกิดแรงสนับสนุนจากนักลงทุน และกำลังมองหาเครื่องมือที่เหมาะสมที่จะนำภาคสังคมเข้ามาร่วมประเมินด้วย

นิกร นิกรพันธุ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด มหาชน
นิกร นิกรพันธุ์

นิกร นิกรพันธุ์ ผู้จัดการ Corporate Sustainability Office ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางธนาคารเองก็พยายามศึกษาดัชนี Fair Finance Guide เพื่อให้เข้าใจความคาดหวังของภาคสังคมมากขึ้น จากสถานการณ์โลกร้อนหรือฝุ่น PM 2.5 เป็นกรณีที่เราไม่อาจปฏิเสธได้แล้วว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ได้เป็นปัญหาที่ใกล้ตัว แต่กลายมาเป็นปัญหาที่กระทบต่อวิถีชีวิตและเศรษฐกิจอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ในแต่ละการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจ ยังมีต้นทุนแฝงด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อมที่ยังต้องกำหนดความรับผิดชอบอย่างเหมาะสม นับเป็นความท้าทายของนักการธนาคารรุ่นใหม่ที่จะต้องขยายขอบเขตการให้ความสำคัญในการพิจารณาที่กว้างกว่านักการธนาคารรุ่นเก่า และที่สำคัญ การขับเคลื่อนนี้ต้องไปพร้อมกันในทุกภาคส่วน

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight