World News

จับตา!! ราคาเนื้อหมูโลกจ่อพุ่งแรง เหตุจีนเร่งนำเข้า หลังเจออหิวาต์หมูระบาด

ราคาเนื้อหมูในจีน มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงปลายปีนี้ หลังเกิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ระบาดทั่วประเทศ ทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะดันให้ราคาเนื้อหมูในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น เหตุจีนต้องนำเข้าเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับภาวะขาดแคลนในประเทศ

eight col 043 dpa pa 148A3200C30EE9D9

นายหวัง จุนซุน รองผู้อำนวยการสำนักงานปศุสัตว์ กระทรวงกิจการชนบท และเกษตรจีน กล่าวถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศว่ารุนแรงอย่างมาก โดยจำนวนหมูทั่วจีนเมื่อเดือนมีนาคมลดลงไป 19% และจำนวนหมูตัวเมียก็ลดลงถึง 21%

โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร เป็นโรคติดต่อที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว และมักคร่าชีวิตหมูที่ป่วยเกือบทั้งหมด แต่ไม่ติดต่อมาถึงคน และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป่องกัน หรือวิธีการรักษาแต่อย่างใด โดยจีนได้ประกาศการพบโรคนี้รอบล่าสุด เป็นครั้งแรกที่ฟาร์มเลี้ยงหมูในเมืองเ)ฉินหยาง มณฑลเหลียนนิง เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว

นับแต่นั้นมา ทางการได้สั่งควบคุมพื้นที่ติดเชื้อ และมีการฆ่าหมูไปราว 1.02 ล้านตัว แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมโรคได้ มีการยืนยันพบโรคนี้ในพื้นที่ 31 แห่งทั่วประเทศจีน ซึ่งมีความเป็นได้ว่า สุขอนามัยที่ย่ำแย่ตามฟาร์มในชนบททำให้การระบาดเลวร้ายมากขึ้น

โรคระบาดที่เกิดขึ้นทำให้ราคาเนื้อหมูในจีน ทะยานสูงขึ้น โดยนับถึงเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ราคาเนื้อหมูในจีนตกกิโลกรัม 15.1 หยวน จากราคากิโลกรัมละ 11.9 หยวนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์

นายหวังบอกด้วยว่า จำนวนหมูในประเทศที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ยังไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างเต็มที่ต่อผู้บริโภค แต่คาดว่า ราคาเนื้อหมูตั้งแต่เดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนธันวาคม อาจจะแซงหน้าราคาที่เคยพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่กิโลกรัมละ 21 หยวน เมื่อปี 2559 ได้

การที่เนื้อหมูถือเป็นอาหารหลักของชาวจีนเกือบทั้งประเทศ ทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความวิตกว่า ราคาที่พุ่งขึ้นอาจทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อปี 2550 จีนได้เริ่มดำเนินการสำรองเนื้อหมู เพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้า และจะนำออกสู่ตลาดเมื่อราคาพุ่งสูงขึ้น

ราคาเนื้อหมูยังเป็นปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยเนื้อหมูถือเป็นส่วนที่มีอิทธิพลอย่างมากในดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ)ของจีน คิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของตระกร้าราคาสินค้า ถึงขนาดที่มีการตั้งชื่อเล่นให้กับดัชนีนี้ว่า “ดัชนีหมูจีน”

จับภาพ 2

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซีพีไอของจีนเพิ่มขึ้นมา 2.3% จากราคาเนื้อหมูที่ขยับขึ้นมา 0.12% ซึ่งกั๋วะเฉิง ซีเคียวริตีส์ ประเมินว่า หากราคาเนื้อหมูพุ่งขึ้นถึง 80% ก็จะทำให้ซีพีไอขยายตัวถึง 2.8% ภายในเวลา 1 ปี และเพราะรัฐบาลตั้งเป้าเงินเฟ้อไว้ไม่เกิน 3% การพุ่งขึ้นของซีพีไอ จะทำให้เป็นเรื่องยากที่จะผ่อนคลายมาตรการการเงินเพิ่มเติม หากเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีอ่อนแอลง

นอกจากจีนแล้ว การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ก็มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดโลกด้วยเช่นกัน เนื่องจากจีนเป็นผู้บริโภคเนื้อหมูรายใหญ่สุดของโลก ที่ 55 ล้านตันต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วนราวครึ่งหนึ่งของการบริโภคทั่วโลก และจะต้องเพิ่มการนำเข้าเนื้อหมูจากบราซิล และยุโรปอย่างรวดเร็ว เพื่อชดเชยกับผลผลิตในประเทศที่ลดน้อยลง

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยังอาจเป็นผลดีต่อผู้เลี้ยงสุกรในสหรัฐด้วยเช่นกัน เพราะแม้จีนจะจัดเก็บภาษีนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐสูงถึง 62% จากการทำสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศ แต่การนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐในปีนี้ ก็แซงหน้าระดับการนำเข้าเมื่อปี 2560 ไปแล้วที่ราว 170,000 ตัน และคาดว่าอาจเพิ่มขึ้นจนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 300,000 ตัน

กระนั้นก็ตาม ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากจีน จะทำให้เกิดภาวะตึงตัวในตลาดเนื้อหมูโลก และอาจทำให้ราคาเนื้อหมูทั่วโลก พุ่งสูงขึ้นตามกันไป

ที่มา: Nikkei Asian Review 

Avatar photo