Business

‘วินัย สมพงษ์’ แนะรัฐตีแผ่สัญญาสัมปทานโฮปเวลล์

“พ.อ.วินัย” เผยเข้ามาทำโครงการโฮปเวลล์ปี 35-38 ต่อจาก”มนตรี พงษ์พานิช”แต่การดำเนินงานล่าช้า จนพ้นจากตำแหน่งไม่ได้ตามเรื่อง แนะรัฐตีแผ่สัญญาสัมปทานโฮปเวลล์ และการดำเนินโครงการในแต่ละรัฐบาล รวมทั้งคำฟ้องและคำตัดสิน  ย้ำใครเกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น 

พ.อ.วินัย สมพงษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรววงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวไทย” ถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้รัฐจ่ายค่าเสียหายให้กับเอกชนในโครงการโฮปเวลล์เป็นเงิน 1.2 หมื่นล้านบาทว่า โครงการนี้เริ่มตั้งแต่สมัยที่นายมนตรี พงษ์พานิช เป็นรัฐมนตรี ปี 2533 แต่โครงการไม่คืบ เมื่อตนมาเป็นรัฐมนตรีปี 2535-38 จึงเรียกนายกอร์ดอน วู ประธานบริษัทโฮปเวลล์ โฮลดิงส์ มาประชุมร่วมกับกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่าจะทำโครงการต่อหรือไม่

ซึ่งโฮปเวลล์ยืนยันจะทำต่อ ก็ให้เดินหน้า เพราะอยากจะแก้ปัญหาการจราจร โครงการนี้จึงเริ่มดำเนินการจริงจังในสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรี แต่การดำเนินการก็เป็นไปอย่างล่าช้า เพราะช้ามาแล้ว 2 ปี บางส่วนรฟท.ก็เห็นด้วย บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย ขณะเดียวกันทราบว่าโฮปเวลล์ก็มีปัญหาอุปสรรคเรื่องงบประมาณ ถือว่าไม่สมประกอบทั้งสองฝ่าย และเมื่อตนพ้นจากตำแหน่งก็ไม่ได้ติดตามในรายละเอียด ทราบจากสื่อว่ามีการยกเลิกโครงการไป

วินัย
พ.อ.วินัย สมพงษ์ / Posttoday.com

พ.อ.วินัย กล่าวว่า มีข้อเสนอว่าขอให้ รฟท. นำสัญญาสัมปทานโฮปเวลล์มาตีแผ่ให้สาธารณชนได้รับทราบ จะได้ทราบว่ามีข้อบกพร่องอย่างไร และให้ทำไทม์ไลน์ตั้งแต่ปี 2533 ที่มีการทำสัญญาสัมปทาน จนถึงวันที่ตัดสิน เพื่อให้ทราบว่ารัฐบาลไหน ทำอะไร ไม่ทำอะไร และตอนยกเลิกให้เหตุผลว่าอย่างไร จนกระทั่งถึงคำสั่งศาลวานนี้ (22 เม.ย.) จากนั้นให้นำคำฟ้องของบริษัทโฮปเวลล์ที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายและคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ คำฟ้องของการรถไฟฯ ที่เรียกค่าเสียหาย  คำตัดสินของศาลปกครองกลางครั้งแรกที่ตัดสินว่าโฮปเวลล์แพ้ และสุดท้ายนำคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด มาเปรียบเทียบว่ามีการกลับคำตัดสินด้วยเหตุผลอะไร หากนำหลักฐานเหล่านี้ออกมาเปิดเผยให้สาธารณชนได้เปรียบเทียบ และเข้าใจ ตนมั่นใจว่าอีก 6 เดือนข้างหน้า ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดนั้น ทางรัฐบาลไทยน่าจะมีทางออกในเรื่องนี้

โฮป1

“กระทรวงคมนาคม  รฟท. น่าจะได้เห็นทางออก ทางหนีทีไล่ว่าจะทำแบบไหน อย่างไร ผมมีความเห็นว่าทั้ง รฟท. น่าจะมีความบกพร่องเป็นเหตุให้โฮปเวลล์ฟ้องร้อง และในขณะเดียวกันโฮปเวลล์ก็มีข้อบกพร่องที่ รฟท. ฟ้องได้เช่นกัน ดังนั้นน่าจะเอาทั้งหมดมาตีแผ่ให้สังคมได้เห็น ถ้ารู้ว่าใครโกง ใครผิด ก็ว่าไปตามนั้น ไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่ต้องเกรงใจว่าลูบหน้า ปะจมูก ทำตรงไปตรงมา ใครผิดลงโทษตามผิด ถ้าเป็นอย่างนี้กรณีโฮปเวลล์ก็จะเป็น กรณีศึกษาให้กับสังคม ให้คนหลาบจำในการที่จะละเว้นการทำชั่วในโอกาสหน้า” พ.อ.วินัย กล่าว

 

 

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight