ศรีลังกาประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินในวันนี้ (23 เม.ย.) ท่ามกลางการสอบสวนอย่างเข้มข้น เพื่อหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังการระเบิดโบสถ์ และโรงแรมหรูหราหลายแห่ง ขณะยอดผู้เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งใหญ่นี้พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 310 รายแล้ว
โฆษกกรมตำรวจศรีลังการูวัน กูนาเซกีระ เปิดเผยว่า ทางการได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการโจมตีที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (21 เม.ย.) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 40 คนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นชาวศรีลังกา แม้ว่าเป้าหมายในการสอบสวนของตำรวจล่าสุด จะครอบคลุมไปถึงเรื่องที่ว่า อาจจะมีชาวต่างชาติเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีครั้งนี้ด้วยก็ตาม
ทางด้านทำเนียบประธานาธิบดีศรีลังกา ระบุว่า การประกาศภาวะฉุกเฉิน มีผลบังคับตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา เพื่อให้ตำรวจมีอำนาจมากขึ้นในการเข้าควบคุม และสอบสวนผู้ต้องสงสัยโดยไม่ต้องรอการอนุมัติจากศาล และยังคงการประกาศเคอร์ฟิวไว้เหมือนเดิม
แม้จนถึงขณะนี้ จะยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น แต่มีรายงานว่า บนโลกออนไลน์ ได้มีการเผยแพร่คลิปวีดิโอในช่องทางของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) อ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นในศรีลังกา
นอกจากนี้ นายราจิตา เซนารัตเน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกรัฐบาลศรีลังกา ยังออกมาระบุว่า กลุุ่มติดอาวุธท้องถิ่นที่เรียกตัวเองว่า เนชันแนล โธฮีท จามาต (เอ็นทีเจ) เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ โดยได้ร้บการสนับสนุนจาก “เครือข่ายระหว่างประเทศ” ที่อาจช่วยวางแผนการโจมตี และรวบรวมระเบิด
