Economics

พาณิชย์สั่งจับตาราคาสินค้าหลังน้ำมันพุ่ง

ยอดจองทุเรียน
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์จำหน่ายสินค้าและแก๊สหุงต้ม รวมถึงอาหารปรุงสำเร็จ ภายหลังจากต้นทุนการผลิตจากราคาแก๊สหุงต้มปรับขึ้นถังละ 42 บาท และค่าขนส่งสินค้าปรับเพิ่มขึ้นอีก 5%ว่า จากการศึกษาของกรมการค้าภายใน พบว่า การปรับขึ้นราคาแก๊สหุงต้มดังกล่าว ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตอาหารปรุงสำเร็จจากราคาแก๊สหุงต้ม เพิ่มขึ้นเพียงจาน/ชามละ 15-20 สตางค์เท่านั้น จึงไม่ใช่เหตุผลที่จะใช้เป็นข้ออ้างปรับขึ้นราคาขายจาน/ชามละ 5 บาท หากประชาชนพบเห็นการปรับขึ้นราคาอาหารจานด่วนอย่างไม่เป็นธรรม ขอให้แจ้งมาที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร.1569 จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และหากพบผิดจริง จะดำเนินการตามกฎหมาย โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (24 พฤษภาคม) จะลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์จำหน่ายสินค้า อาหารจานด่วน และในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้จะหารือร่วมกับผู้ผลิตสินค้า (ซัพพลายเออร์) เพื่อสอบถามผลกระทบที่จะได้รับจากการปรับขึ้นค่าขนส่ง และประเมินสถานการณ์เช่นกัน

“จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบราคาอาหารปรุงสำเร็จอย่างใกล้ชิด และให้กรมการค้าภายในจัดสายตรวจออกตรวจสอบด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนแจ้งเบาะแสการปรับขึ้นราคามาให้กระทรวงพาณิชย์ด้วย เพราะผลศึกษาพบว่าข้าวกระเพรามีต้นทุนค่าแก๊สที่เพิ่มขึ้น 15-20 สตางค์ ดังนั้น พ่อค้าแม่ค้าก็ไม่น่าได้รับผลกระทบ”รมว.พาณิชย์ กล่าว

สำหรับการปรับขึ้นราคาของน้ำมันดีเซล ซึ่งมีสัดส่วนในต้นทุนของภาคขนส่ง 30-40% นั้น มีผลต่อทำให้ราคาขายปลีกสินค้าปรับขึ้นไม่เกิน 0.5% โดยสินค้าที่มีน้ำหนักมากสุดกระทบ 0.5% และสินค้าที่น้ำหนักน้อยสุดกระทบเพียง 0.003% โดยขณะนี้ ได้ให้กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์ทั้งราคาแก๊สหุงต้ม และค่าขนส่งแล้ว หากผู้ประกอบการจะปรับขึ้นราคา กระทรวงฯจะพิจารณาว่าสอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการด้วยเช่นกัน

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK