สหรัฐเตรียมประกาศในวันนี้ (22 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ยุติการผ่อนผันให้ประเทศต่างๆ ซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่าน ไม่เช่นนั้นอาจโดนคว่ำบาตร การเคลื่อนไหวที่จุดชนวนให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งถึง 3% แตะระดับสูงสุดในปีนี้
รอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าว ยืนยันถึงการรายงานข่าวก่อนหน้านี้ของวอชิงตัน โพสต์ ในเรื่องดังกล่าว พร้อมบอกว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการที่จะยุติการผ่อนผันดังกล่าว เพื่อกดดันทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านอย่างสูงสุด ผ่านการตัดเส้นทางส่งออกน้ำมัน และทำให้อิหร่านไม่มีแหล่งรายได้อีกต่อไป
การเคลื่อนไหวข้างต้น เกิดขึ้นหลังเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว สหรัฐได้กลับมาดำเนินนโยบายคว่ำบาตรต่ออิหร่านอีกครั้ง จากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำไว้ในปี 2558 ระหว่างอิหร่านกับ 6 ชาติมหาอำนาจ
อย่างไรก็ดี สหรัฐยินยอมที่จะให้ผู้ซื้อน้ำมันรายหลักๆ ของอิหร่าน 8 ราย คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ตุรกี อิตาลี และกรีซ สามารถซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านในปริมาณที่จำกัดต่อไปได้อีก 6 เดือน
นายจอช โรกิน คอลัมนิสต์ของวอชิงตัน โพสต์ื รายงานอ้างแหล่งข่าวในกระทรวงต่างประเทศสหรัฐว่า นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ จะประกาศยุติการผ่อนผันเรื่องซื้อน้ำมันดิบ หรือคอนเดนเสท โดยให้เวลาผ่อนผันถึงวันที่ 2 พฤษภาคมนี้เท่านัน
สอดคล้องกับคำพูก่ิอนหน้านี้ของนายแฟรงค์ แฟนนอน ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ รับผิดชอบด้านทรัพยากรพลังงาน ที่ย้ำถึงจุดยืนของรัฐบาลสหรัฐว่า “เป้าหมายของเรา คือทำให้การส่งออกจากอิหร่านไม่มีเลย เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
สถานการณ์ข้างต้น ส่งผลให้ราคาน้ำม้นดิบเบรนท์ ซื้อขายในตลาดสิงคโปร์ช่วงเช้าวันนี้ ทะยานขึ้นมาถึง 3.2% ที่ 74.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ส่วนราคาน้ำม้นดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ทะยานขึ้นมา 3% ที่ 65.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2561
