World News

โตเกียวยกเครื่อง ‘แท็กซี่’ รับเป็นเจ้าภาพ ‘โอลิมปิก-รักบี้โลก’

อุตสาหกรรมเท็กซี่โตเกียวกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ รองรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการกีฬาระดับโลกถึง 2 รายการในอีก 26 เดือนข้างหน้า

เมื่อปีที่แล้ว ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากกว่า 28 ล้านคน และรัฐบาลตั้งเป้าให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มถึง 40 ล้านคนภายในปี 2563 ซึ่งจะยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับระบบขนส่งของประเทศ ที่ปัจจุบันอยู่ในภาวะตึงตัวอยู่แล้ว จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินความคาดหมาย

รถแท็กซี่รุ่นใหม่

 

โตเกียวยกเครื่อง 'แท็กซี่'

โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของโลกเชื่อว่า อย่างน้อยที่สุด บริษัทน่าจะเป็นคำตอบส่วนหนึ่งให้กับปัญหาดังกล่าว

ที่ผ่านมา รถยนต์รุ่นคอมฟอร์ทของโตโยต้า คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 70% ของจำนวนรถแท็กซี่ทั้งหมดที่อยู่บนท้องถนนในเมืองหลวงของญี่ปุ่น
รถรุ่นดังกล่าว ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของระบบเปิดประตูอัตโนมัติ อยู่ในสายการผลิตมานานถึง 22 ปีแล้ว และเมื่อเดือนตุลาคม 2560 โตโยต้าก็เพิ่งประกาศเปิดตัวรุ่นใหม่ “เจพีเอ็น แท็กซี่” รถไฮบริดน้ำมัน-ก๊าซแอลพีจี ที่มีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

แม้การนำเจพีเอ็น แท็กซี่ ออกมาวิ่งให้บริการนั้นเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่โตโยต้าระบุว่า ปัจจุบันราว 10% ของคนขับแท็กซี่ทั้งหมดในโตเกียวเปลี่ยนมาใช้รถยนต์รุ่นนี้แล้ว

 

บริษัทตั้งเป้าว่า เมื่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เกมส์ เปิดฉากขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2563 เจพีเอ็น แท็กซี่ จะมีให้บริการมากกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนแท็กซี่ทั้งหมดในกรุงโตเกียว เพราะบริษัทต้องการให้รถแท็กซี่ของตัวเอง เป็นรถที่อำนวยความสะดวกให้กับบุคคลทุพพลภาพ รวมถึง ประชากรสูงอายุในประเทศด้วย

โตเกียวยกเครื่อง 'แท็กซี่'

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรสูงอายุในประเทศสูงสุดในโลก โดยมีประชากรอายุมากกว่า 65 ปี คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 27% ของประชากรทั้งประเทศ และรถยนต์รุ่นใหม่ของโตโยต้าก็สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในด้านประชากรนี้

ฮิโรชิ คายูกาวะ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของโตโยต้า กล่าวว่า สาหตุหลักๆ ที่ทำให้บริษัทเลือกการออกแบบแนวคิดดังกล่าว เป็นเพราะสังคมญี่ปุ่นมีผู้สูงวัยอยู่มาก ในระดับที่สูงกว่าทุกประเทศทั่วโลก

“เรามองว่า เมืองต่างๆ กำลังกลายมาเป็นเมืองที่ไร้พรมแดนมากขึ้นเรื่อยๆ และเราก็คิดด้วยว่า ระบบขนส่งสาธารณะก็ควรมุ่งเน้นไปในทิศทางนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งนี้่คือแนวคิดหลักในการออกแบบรถยนต์รุ่นนี้”

โตเกียวยกเครื่อง 'แท็กซี่'

ที่นั่งด้านหลังของเจพีเอ็น แท็กซี่ สามารถถอดออกได้ ทั้งยังมีทางลาดที่ซ่อนเอาไว้อย่างแนบเนียนใต้เบาะ ซึ่งสามารถนำออกมาติดตั้งได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่นั่งรถเข็น ทั้งยังมีเครื่องหมายสีเหลือง และแสงบนพื้นรถ เพื่อช่วยบุคคลที่มีปัญหาทางด้านสายตา

“หลังจากที่กรุงโตเกียวได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เราก็พิจารณาถึงแนวคิดของเรา และคิดว่า ยังมีสิ่งมากมายที่จะอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวได้”

คายูกาวะ บอกว่า มีความเป็นไปได้ที่แท็กซี่รุ่นนี้ จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นในสายตาของชาวต่างชาติที่เดินทางมายังญี่ปุ่น

คนขับต่างชาติ

ไม่เพียงแต่จะมีการปรับโฉมรถยนต์เท่านั้น คนบับรถแท็กซี่ที่ตระเวนไปทั่วท้องถนนในกรุงโตเกียว ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นกัน

เมื่อเร็วๆ นี้ ฮิโนมารุ หนึ่งในผู้ให้บริการแท็กซี่รายใหญ่สุดของกรุงโตเกียว ได้จ้างงานคนขับแท็กซี่ชาวต่างชาติ 22 คนด้วยกัน สำหรับรองรับผู้คนที่จะหลั่งไหลเข้ามาดูการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลก “รักบี้ เวิลด์คัพ” ในปีหน้า และกีฬาโอลิมปิกในปี 2563

การที่อายุเฉลี่ยของคนขับรถแท็กซี่ในกรุงโตเกียว อยู่ที่เกือบ 60 ปี และการขาดคนขับรถที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ทำให้ฮิโนมารุ ตัดสินใจเริ่มจ้างงานคนขับรถแท็กซี่ชาวต่างชาติเมื่อปีที่แล้ว

โตเกียวยกเครื่อง 'แท็กซี่'

หนึ่งในนั้น รวมถึง วูลฟ์กัง โลเจอร์ ชาวออสเตรีย ที่ใช้ชีวิตในญี่ปุ่นมานานกว่า 30 ปี ผู้ซึ่งเคยเป็นเชฟ และครูสอนสกีในเมืองอื่นๆ ของญี่ปุ่นมาก่อน

หลังจากที่ย้ายจากอยู่ที่กรุงโตเกียวเมื่อปีที่แล้ว และจำเป็นต้องหางานใหม่ โลเจอร์ก็พบกับที่ที่เหมาะสมกับตัวเองข้างหลังพวงมาลัย

“ผมเห็นโฆษณารับสมัครงาน แล้วก็คิดว่า ไปลองดูหน่อย เพราะว่าผมชอบขับรถ และชอบเจอกับผู้คน บนแท็กซี่คุณจะเจอกับคนใหม่ๆ ตลอดเวลา ผมคิดว่า เป็นงานที่ดีทีเดียว”

โลเจอร์ ซึ่งแต่งงานกับภรรยาชาวญี่ปุ่น และพูดภาษาญี่ปุ่นได้อย่างดีเยี่ยม บอกด้วยว่า เวลาที่ผู้โดยสารขึ้นมาบนรถ และเห็นคนต่างชาติเป็นคนขับ มักจะตกตะลึงไปชั่วครู่

“แน่นอนว่า ส่วนใหญ่แล้ว ผู้โดยสารมักจะบอกว่า เป็นครั้งที่พวกเขาเจอกับคนขับแท็กซี่ชาวต่างชาติ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีที่จะเริ่มบทสนทนา”

โตเกียวยกเครื่อง 'แท็กซี่'

เขาเล่าว่า ตามปกติแล้วผู้โดยสารมักจะถามว่า เขามาจากประเทศอะไร ขับรถมานานแค่ไหนแล้ว

ฮิโนมารุ หวังว่า การมีคนขับแท็กซี่แบบโลเจอร์ ที่สามารถพูดได้หลายภาษา จะทำให้บรรดาผู้มาเยือนจากต่างประเทศ รู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านเกิดของตัวเองมากขึ้น

ที่มา: reuters.com

Add Friend

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight