จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับองค์กรภาคประชาชน และภาคเอกชน จัดงานเผยแพร่ความรู้ในการนำพืชกัญชาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมาย ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ สามารถเข้าถึง และใช้ประโยชน์ในการรักษาอาการเจ็บป่วยได้ ซึ่งงานนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้ (19 เม.ย.) และจะสิ้นสุดลงในวันพรุ่งนี้ (21 เม.ย.) ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
บรรยากาศในงานวันแรกเป็นไปอย่างคึกคัก ได้รับความสนใจจากประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ เข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก ประชาชนต่างมาต่อแถวรอเข้าไปในงานกันตั้งแต่ช่วงเช้า โดยยอดผู้เข้าชมงานวันแรกเกือบ 20,000 คน และคาดว่าในวันนี้ และพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันหยุด จะมีผู้เข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การจัดงาน “พันธุ์บุรีรัมย์” เป็นการเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนว่า พืชกัญชามีประโยชน์ สามารถรักษาโรคได้ และได้พบปะนักวิชาการผู้ที่มีความรู้ ผู้ที่ใช้ประโยชน์จากกัญชาบำบัดรักษาโรค ทั้งในช่วงจัดงานนี้ โรงแรมที่พักในเมืองบุรีรัมย์ก็ถูกจองเต็มทั้งหมด คาดว่าจะมีการใช้จ่ายหมุนเวียนในจังหวัดบุรีรัมย์หลายสิบล้านบาท
ส่วนรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ร่วมกิจกรรม จะนำไปเป็นทุนประเดิม “กองทุนพันธุ์บุรีรัมย์” เพื่อใช้ศึกษาวิจัยและพัฒนาการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ และช่วยเหลือผู้ป่วย
ทางด้าน นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด กล่าวว่า กัญชา เป็นยาแก้จน เป็นพืชเศรษฐกิจที่สามารถปลูกสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้ จะช่วยให้ประชาชนรู้ว่าจะใช้กัญชาทางการแพทย์ได้อย่างไร ปลูกอย่างไรถึงจะเป็นประโยชน์ ใช้อย่างไรถึงจะไม่เป็นโทษ ขณะที่ต่างประเทศต่างใช้กัญชาทางการแพทย์กันหลายประเทศแล้ว
“ในอดีตชีวิตคนไทยผ่านมากับบัตรทอง 30 บาทรักษาโรค แต่ผมเชื่อว่ากัญชาในอนาคตจะเป็นยิ่งกว่าบัตรทอง หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่จะใช้ช่วยชีวิตคนไทยรักษาอาการเจ็บป่วย และในอนาคตจะเป็นการรักษาโรคแก้จนให้คนไทยทั้งประเทศด้วย”นายเนวินกล่าว
ทั้งนี้ นายเนวินได้เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการกัญชารักษาโรคก่อนวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ ที่จะหมดเวลานิรโทษกรรมครอบครองกัญชา โดยระบุว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะออกมาตรา 44 เพื่อปลดล็อกกัญชาให้คนไทยสามารถใช้กัญชารักษาโรคได้ โดยไม่ผิดกฏหมาย และเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับประชาชนทั้งประเทศ
ขณะที่ นพ.สมยศ กิตติมั่นคง กล่าวว่า เพื่อความรวดเร็วในการวิจัยสารสกัดกัญชาให้ทันต่อความต้องการของประชาชน ภาครัฐควรนำผลงานวิจัยจากสถาบันการศึกษาที่ทำไว้แล้วอย่างเช่นที่ มหาวิทยาลัยรังสิตศึกษาไว้ มาดำเนินการต่อ จะได้ดำเนินการได้เร็วขึ้น รวมทั้งกรณีของ “เดชา ศิริภัทร” ก็สามารถต่อยอดได้ด้วยการพิจารณาให้เป็นหมอพื้นบ้านเพื่อจะได้ดำเนินการแจกน้ำมันกัญชาได้ภายในสิ้นเดือนนี้ได้