ผู้โดยสารงง!! รถเมล์สาย 510 ไม่รับเงินสด “ขสมก.” เรียกประชุมพนักงาน 80 ชีวิตแก้ปัญหา พร้อมเดินหน้าขึ้นค่ารถเมล์ 22 เม.ย. ตามแผน
นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยถึงโครงการนำร่องบริการรับชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสดบนรถโดยสารปรับอากาศ (รถเมล์แอร์) สาย 510 เส้นทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมาว่า การดำเนินโครงการในช่วงแรกยังพบปัญหาหลายเรื่อง ขณะนี้ ขสมก. จึงอยู่ในช่วงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็นรายวัน
โดย ขสมก. จะเรียกประชุมพนักงานที่ให้บริการในรถเมล์สาย 510 ทั้งหมดประมาณ 80 คน เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน เพราะพนักงานบางส่วนยังไม่เข้าใจระบบ 100% ส่งผลให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ขณะเดียวกัน ขสมก. และธนาคารกรุงไทย ได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์ประสานงานและสื่อสารกันผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ (Line) เพื่อทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น
ด้านเครื่องรับชำระค่าโดยสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ที่ใช้ระบบซิมการ์ด ก็ยังไม่เสถียร จึงได้แก้ไขด้วยการพัฒนาคุณภาพสัญญาเป็นเทคโนโลยี 4G แล้ว
ด้านผู้โดยสารก็ยังมีคนที่ไม่เข้าใจอยู่ จากนี้จึงจะจัดพนักงาน ขสมก. และพนักงานธนาคารกรุงไทย ขึ้นไปแจกแผ่นพับและอธิบายข้อมูลการชำระค่าโดยสารบนรถเมล์สาย 510 ทุกเที่ยว
สำหรับประเด็นที่ผู้โดยสารไม่เข้าใจ เช่น ผู้โดยสารบางส่วนไม่ต้องการซื้อบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ของ ขสมก. หรือบางส่วนที่ซื้อบัตรแล้ว ก็ทิ้งบัตรเมื่อเงินหมด เพราะไม่ทราบว่าสามารถนำบัตรไปเติมเงินผ่านธนาคารหรือตู้เอทีเอ็มได้ ขณะที่บางส่วนก็ไม่ทราบว่าสามารถชำระค่าโดยสารผ่านช่องทางอื่นอย่างธนาคารออนไลน์หรือคิวอาร์โค้ดได้ด้วย
“ตอนนี้แก้ไขปัญหาไปได้ประมาณ 70% เริ่มรู้แนวทางแก้ไขแล้ว ตั้งใจว่าสิ้นเดือนเมษายนการให้บริการจะเริ่มอยู่ตัว สามารถเห็นข้อมูลจากโครงการได้ ตอนนี้ก็แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ส่วนผู้โดยสารรถเมล์สาย 510 ก็ไม่ได้ลดลง อยู่ที่ประมาณ 14,000 คนต่อวันเหมือนเดิม” นายประยูรกล่าว
ทั้งนี้ โครงการนำร่องมีระยะเวลาในการดำเนินงาน 2 เดือน แต่ขณะนี้ ขสมก. และธนาคารกรุงไทยกำลังพิจารณาว่า ควรขยายระยะเวลาการทดลองออกไปหรือไม่ เพราะการดำเนินโครงการนำร่องอยู่ในช่วงปิดเทอม ถ้าหากขยายระยะเวลาออกไป 30-60 วัน ก็อาจจะได้ทดลองในช่วงเปิดเทอม ที่มีนักศึกษาเป็นผู้โดยสารเต็มรูปแบบด้วย
เดินหน้าขึ้นค่ารถเมล์ตามแผน
สำหรับกรณีที่มีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ระงับการปรับขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ทั้งระบบนั้น นายประยูร กล่าวว่า ขณะนี้ ขสมก. ยังยืนยันจะปรับขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ในวันที่ 22 เมษายนเช่นเดิม เนื่องจากเป็นมติของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ดังนั้น ขสมก. และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ในฐานะรัฐวิสาหกิจ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นค่าโดยสาร ก็มีสิทธิ์ฟ้องร้องได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ขสมก. ไม่ได้ปรับขึ้นค่ารถเมล์เต็มเพดาน โดยวันที่ 22 เมษายนนี้ จะปรับขึ้นค่าโดยสารครึ่งหนึ่งก่อนและปีถัดไปจึงปรับเพดาน เพื่อลดภาระให้ประชาชน
แต่จากการสำรวจความเห็นของผู้โดยสาร ขสมก. ก็พบว่า ส่วนใหญ่ไม่มีใครติดใจเรื่องการปรับค่าโดยสาร เพราะเป็นจำนวนเงินไม่มาก แต่ส่วนใหญ่ต้องการบริการที่ดีขึ้นมากกว่า ซึ่งตอนนี้ ขสมก. ก็เริ่มมีรถเมล์ใหม่ 489 คันให้บริการแล้ว และจะจัดซื้อรถเมล์ใหม่เพิ่มขึ้นอีกถ้าแผนฟื้นฟูผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)
