Finance

ปลดล็อค! ทีวีดิจิทัลดันมูลค่า 7 หุ้นใหญ่พุ่ง

การที่คสช. ได้ออก ม.44 ขยายเวลาชำระหนี้คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ (Mhz)  เป็น 10 ปี โดยมีเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมต้องเข้าประมูลคลื่น 700 ซึ่งในส่วนของทีวีดิจิทัลมีมาตราการเยียวยา โดยจะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 2 งวดสุดท้าย  ค่าใช้บริการโครงข่ายตลอดระยะเวลาการได้รับใบอนุญาตที่เหลืออยู่ รวมทั้งปิดทางคืนใบอนุญาต และได้รับค่าชดเชย

ทั้งนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ พบว่า ส่วนใหญ่ประเมินว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการในครั้งนี้ ได้แก่ กลุ่มทีวีดิจิทัล สื่อสาร และธนาคาพาณิชย์  และได้มีการปรับประมาณการมูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากราคาเป้าหมายที่ประเมินไว้ในปัจจุบัน  ซึ่งจะมีหุ้นประมาณ 7 หุ้นใหญ่ที่แนะนำให้สามารถเข้าลงทุนได้เพราะจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าวแบบเต็มๆ ทำให้ความสามารถในการทำธุรกิจดีขึ้นช่วยผลักดันให้ผลประกอบการสามารถเติบโตขึ้นมาได้

สำหรับหุ้นที่นักวิเคราะห์ได้แนะนำและเพิ่มมูลค่าพื้นฐานให้ใหม่ ได้แก่ หุ้น TRUE, DTAC, ADVANC, INTUCH, BEC,WORK และ RS 

7 หุ้นใหญ่ที่ปรับมูลค่าเพิ่มขึ้น

โดยบล.ฟินันเซียไซรัส ประเมินไว้ว่า การใช้ ม.44 ขยายระยะเวลาชำระค่าคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้หุ้นในกลุ่มมือถือ โดย TRUE จะมีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นมากสุด 4% หรือราว 0.25บาทต่อหุ้น จากราคาเป้าหมาย 5.70 บาท รองลงมาคือ DTAC มูลค่าเพิ่ม 2% หรือราว 1 บาทจากราคาเป้าหมาย 54 บาท ADVANC เพิ่มราว 3 บาทจากราคาเป้าหมายที่ 200 บาท และ INTUCH เพิ่มราว 1 บาทจากราคาเป้าหมาย 61 บาท แต่มูลค่าเพิ่มดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์  ที่ Operator ต้องรับการจัดสรรจาก กสทช. ซึ่งยังไม่ทราบรายละเอียด และอาจเป็นภาระหากค่าคลื่นสูง

ส่วนกลุ่มทีวีดิจิทัลได้ประโยชน์กว่า ทั้ง 22 ช่องไม่ต้องจ่ายค่าคลื่นที่เหลือรวม 13,622 ล้านบาท และช่วยค่าเช่า MUX เป็นเงินปีละ 1,960 ล้านบาท จนสิ้นสุดใบอนุญาต และยังเปิดโอกาสให้คืนใบอนุญาตได้ BEC ได้ประโยชน์มากสุด เราคาดมูลค่าเหมาะสมเพิ่มขึ้นราว 2.50 บาทเป็น 8 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันเต็มมูลค่า แนะนำขาย มูลค่าหุ้นของ WORK จะเพิ่ม 2.50 บาทเป็น 28.50 บาท RS เพิ่ม 1.50 บาทเป็น 21.50 บาท ฝ่ายวิจัย ชอบ RS มากกว่าเพราะมีแรงขับเคลื่อนจากธุรกิจ MPC ซึ่งทำกำไรได้ดีกว่าทีวีดิจิทัล

ขณะที่บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ฝ่ายวิจัยมองว่าการออก ม.44 ดังกล่าว เป็บบวกแก่อุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล โดยเฉพาะการเปิดทางคืนใบอนุญาต จะทำให้ช่องมีเรตติ้งต่ำและขาดทุนสะสม อาจพิจารณาคืนใบอนุญาต แต่คาดว่าไม่ส่งผลต่อเม็ดเงินภาพรวมเนื่องจากช่องที่มีแนวโน้มที่จะคืนใบอนุญาตมีเม็ดเงินโฆษณาเข้าไปมากอยู่แล้ว

โดยผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่ยังดำเนินธุรกิจต่อ จะมีผลประกอบการและกระแสเงินสดที่ดีขึ้นจากการช่วยเหลือค่าใบอนุญาตส่วนที่เหลือ ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตที่จะลดลง และค่าเช่าโครงข่าย ซึ่งปัจจุบันช่องทีวีแต่ละช่องต้องจ่ายค่าเช่าโครงข่าย เดือนละ 10.8 ล้านบาท สำหรับช่องความคมชัดสูง และ เดือนละ 3.5-3.6 ล้านบาท

ส่วนช่องความคมชัดปกติ ผู้ประกอบการที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด คือ ผู้ประกอบการที่ถือใบอนุญาต 3 ใบ และมีช่องความคมชัดสูง อย่าง BEC อีกทั้งยังมีโอกาสพิจารณาคืนใบอนุญาตในช่อง  SD และ Family อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยยังชอบ RS  คาดผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ออกมาดี และได้ประโยชน์จากมาตราการดังกล่าว

ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำให้ น้ำหนักการลงทุนหุ้นสื่อสาร “เท่ากับตลาดฯ” หลังคสช ประกาศใช้ ม.44 เพื่อช่วยเหลือด้านการเงินผู้ประมูลคลื่น 4G (900 MHz) โดยจะยืดระยะเวลาการชำระเงินค่าไลเซ่นส์ โดยมีเงื่อนไขที่ผู้ประกอบการฯจะต้องเข้าร่วมประมูลคลื่น 5G (700 MHz)

ฝ่ายวิจัยฯประเมินระยะสั้นเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มสื่อสาร แต่ประเด็นการเข้าประมูล 5G ที่จะเป็นการลงทุนใหญ่อีกครั้งจะกระทบต่อหุ้นกลุ่มสื่อสารในอนาคต จึงยังแนะนำน้ำหนักการลงทุนเพียง “เท่ากับตลาดฯ” เลือก ADVANC เป็นหุ้นเด่น และแนะนำ เก็งกำไร INTUCH

7 หุ้นใหญ่ที่ปรับมูลค่าเพิ่มขึ้น2 01

นอกจากนี้หุ้นกลุ่มมีเดีย ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” เช่นกัน เพราะคสช ประกาศใช้ ม.44  เพื่อปลดล็อกธุรกิจทีวีดิจิตอล คือ อนุญาตให้คืนไลเซ่นส์ได้ งดเว้นการชำระค่าไลเซ่นส์งวดที่ 5 และ 6  ฝ่ายวิจัยฯประเมิน BEC ได้รับอานิสงส์สูงสุด (ในเชิงของผลประกอบการ) อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯยังกังวลต่อแนวโน้มธุรกิจในอนาคต (Digital disruption จากสื่อช่องทางออนไลน์)

ทั้งนี้ บล.ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย)ระบุว่าการที่คสช.ออกคำสั่งม.44 ขยายเวลาจ่ายคลื่น 900MHz ออกไป 10 ปี และเปิดโอกาสคืนใบอนุญาตดิจิทัลทีวี โดยไม่ต้องจ่าย 2 งวดสุดท้าย  ฝ่ายวิจัยประเมินผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มต่างๆดังนี้

กลุ่มสื่อสาร  จะได้ประโยชน์จากการประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย (จากเดิมอาจต้องกู้เงินมาจ่ายค่าใบอนุญาต) ส่งผลบวกต่อกำไร และเพิ่มมูลค่าเหมาะสมเบื้องต้น ให้ ADVANC, DTAC, TRUE ราว 5%, 10% และ 15% อย่างไรก็ตามผลดีจริงอาจน้อยกว่านั้น เนื่องจากคาดผู้ประกอบการจะถูกกดดันให้เข้าประมูลคลื่น 700 MHz

ส่วนกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ คาดผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มจะได้อานิสงส์ดีจากการแข่งขันที่ลดความรุนแรง  ต้นทุนค่าใบอนุญาตที่จะลดลง โดย RS, MONO และ WORK ประมาณ 80 ล้านบาทต่อปี, MCOT ประมาณ 94 ล้านบาทต่อปี, และ BEC 180 ล้านบาทต่อปี และอาจมากกว่านั้นหาก MCOT และ BEC ตัดสินใจคืนใบอนุญาต ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิต (production cost) ได้อีกมาก

กลุ่มธนาคารจะได้รับประโยชน์โดยการช่วยลดโอกาสที่ผู้ประกอบการจะกลายเป็นหนี้เสีย โดยธนาคาร 3 แห่งที่มีการปล่อยกู้ผู้ประกอบการดิจิตอลทีวี ได้แก่ BBL, KBANK และ BAY

ทั้งนี้จากการสำรวจราคาหุ้นในกลุ่มที่นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มมูลค่าตั้งแต่เดือนต้นเดือนเมษายน 2562 จนถึงปัจจุบันพบว่า ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกบริษัท โดยหุ้น BEC ราคาหุ้นเดือนเมษายนปรับตัวขึ้น 18.52% หุ้น TRUE เพิ่มขึ้น 10.29% หุ้น DTAC เพิ่มขึ้น 1.42% หุ้น ADVANC เพิ่มขึ้น 3.5% หุ้น INTUCH เพิ่มขึ้น 2.17% หุ้น WORK เพิ่มขึ้น 3.5% และหุ้น RS ลดลง 2.06%

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight