COLUMNISTS

‘ฝุ่นพิษ’ วาระแห่งชาติ อย่าปล่อยให้เป็นไฟไหม้ฟาง

Avatar photo
149

ช่วงปลายปีที่ผ่านมาสังคมไทยตื่นตัวกับเรื่อง ฝุ่นพิษ จากปัญหาที่เกิดขึ้นในกรุงเทพและปริมณฑล ขณะที่รัฐบาลขยับทำท่าเอาจริงเอาจังออกมาตรการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหลายอย่าง แต่สุดท้ายเมื่อหมอกควันจางหาย ฝุ่นพิษคลายตัวลง ทุกอย่างดูเหมือนกับเข้าสู่โหมดปกติ โดยไม่เห็นการทำงานต่อเนื่องของภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว

ฝุ่น 1 e1549510628328

เมื่อเกิดฝุ่นพิษรุนแรงที่เชียงใหม่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ รัฐบาลกลางแทบจะไม่มีบทบาทใด ๆ ที่จะเข้าไปกำกับดูแลเพื่อให้ในพื้นที่แก้ปัญหาอย่างจริงจัง

กระทั่งเข้าสู่เดือนมีนาคมค่าฝุ่นพิษวิกฤติหนักพุ่งสูงที่สุดในโลก เราก็ยังไม่เห็นภาครัฐขยับทำอะไรเพื่อเร่งแก้ปัญหา มีแต่ภาคประชาชนรวมตัวกันให้ข้อมูลผ่านโลกออนไลน์ ส่วนชาวบ้านทนทุกข์หนักมานานกว่าสองเดือน

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่งเดินทางไปตรวจพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แค่พญาเหยียบเมืองครั้งเดียวทิศทางแก้ปัญหาดูจะกระฉับกระเฉงขึ้น ท่ามกลางการคาดโทษให้แก้ปัญหาให้ได้ภายใน 7 วัน

มีคำถามตามมาว่าหลังจาก 7 วันไปแล้วล่ะ สมมติว่าแก้ผ้าเอาหน้ารอด คลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในขณะนี้ แล้วในอนาคตจะเกิดปัญหาให้ต้องตามแก้อีกหรือไม่ ป้องกันไม่ให้ฝุ่นพิษเกิดขึ้นดีกว่ามาแก้ไขหลังฝุ่นพิษเกิดจะดีกว่าไหม

ทำอย่างไรที่จะแก้ปัญหานี้อย่างยั่งยืน ไม่เป็นแค่ไฟไหม้ฟาง แก้แบบเฉพาะหน้าก่อนที่จะเลือนหายไปกับกาลเวลา รอวันเกิดปัญหาอีกรอบค่อยมาแก้ใหม่ วนลูปไปแบบนี้ โดยไม่เพียงแต่จะมีสุขภาพประชาชนเป็นเดิมพันเท่านั้น แต่ยังกระทบถึงเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศด้วย

ถึงเวลาหรือยังที่รัฐบาลต้องกำหนดมาตรการคุ้มครองสุขภาพประชาชนในระยะเร่งด่วน เรื่องการสนับสนุนหน้ากากอนามัยป้องกันมลพิษทางอากาศ สนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันภัยให้เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่ร่วมแก้ไขปัญหาไฟป่าอย่างพอเพียง รวมทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่เผาป่า และพื้นที่เกษตรกรรมโดยมิชอบอย่างจริงจัง

ปัญหาฝุ่นพิษเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ ให้ผู้คนในสังคมตระหนักถึงพิษภัยที่กระทบตโดยตรงต่อสุขภาพของคนไทย จึงต้องมีแผนรองรับทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว มีมาตรการควบคุมมลพิษทางอากาศทั้งจากการคมนาคมขนส่ง อุตสาหกรรม ไปจนถึงภาคการเกษตร และต้องแสวงหาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันด้วย

อย่าแก้ฝุ่นพิษแบบขายผ้าเอาหน้ารอด หรือโหมแก้ไขแบบไฟไหม้ฟาง แต่ต้องเดินหน้าจริงจังเพื่อไม่ให้คนไทยต้องกลับมาผจญกับฝุ่นพิษอีก