Politics

พปชร. สะดุดตั้งรัฐบาล ‘ปชป.-ภท.’ รับไม่ได้ ‘สมคิด’ กินรวบกระทรวงศก.

พปชร.จับมือตั้งรัฐบาล “สะดุด” เหตุ “ปชป.-ภท.” ไม่รับข้อเสนอ  และรับไม่ได้ หลัง”สมคิด”รวบกระทรวงเศรษฐกิจบริหารเอง   ระบุปัญหาเศรษฐกิจ 5 ปีที่ผ่านมาเกิดจากชุดนี้ หวั่นยอมทีมเศรษฐกิจชุดเก่าบริหารต่อประชาชนไม่ศรัทธา ลั่นทุกพรรคมีข้อสัญญาหาเสียงไว้จะเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 

หลังจากมีการไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 18-24 ปี ที่มีโอกาสเลือกตั้งครั้งแรก (First Voter) รวมไปถึงการจัดการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ดูเหมือนยังมีข้อข้องใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคะแนนที่ปรากฎออกมา รวมถึงผลการเลือกตั้งที่ยังเป็นข้อสงสัยในหลายพื้นที่  กรณีที่ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ มีการใช้เวลานานเกิน

แม้กกต.จะยังไม่รับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ทันทีที่ผลคะแนนที่กกต.ประกาศออกมาอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2562 ทำให้พรรคการเมืองแต่ละพรรคเริ่มเห็นตัวเลขเป็นที่แน่ชัดแล้ว แม้จะยังไม่ 100% ก็ตาม แต่การเจรจาจับขั้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาลก็เกิดขึ้นทันที ขณะนี้ดูเหมือนจะมีอยู่ 2 ขั้วใหญ่อย่างขั้วของพรรคเพื่อไทยและขั้วของพรรคพลังประชารัฐ

แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวกับ “The Bangkok Insight” ว่า ขณะนี้พรรคพลังประชารัฐในฐานะที่ได้คะแนนเสียงจำนวนมาก เริ่มมีการเจรจากับพรรคร่วมแล้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะพรรคการเมืองอันดับ 4 และ 5 อย่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นพรรคการเมืองที่ได้คะแนนระดับกลาง และเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ โดยประเมินว่าหากขาดพรรคใดพรรคหนึ่ง จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ นั่นหมายถึงตัวเลขรวมจะไม่ถึง 251 ที่นั่งแน่นอน

 

สมคิด1

อย่างไรก็ตาม การเจรจาร่วมกันของแกนนำทั้ง 3 พรรค เริ่มมีปัญหาเกิดขึ้น หลังจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการจัดตั้งรัฐบาลฝั่งของพรรคพลังประชารัฐ  เนื่องจากต้องการที่จะรวบกระทรวงเศรษฐกิจไว้กับกลุ่มของตัวเองทั้งหมด ทำให้พรรคแนวร่วม อย่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย แทบจะไม่ได้ให้ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจเลย

“การรวบเอากระทรวงเศรษฐกิจอยู่ในมือของกลุ่มนายสมคิดทั้งหมด ทำให้พรรคแนวร่วมทั้งสองพรรคไม่เห็นด้วย และเกิดความไม่พอใจ เพราะมองว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เกิดปัญหาเศรษฐกิจมากมายที่เกิดจากการทำงานของนายสมคิด และทีม หากยังรวบกระทรวงเศรษฐกิจไว้ในมือทั้งหมดการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลเป็นปัญหาแน่นอน ตอนนี้นายสมคิด กำลังจะทำให้การเจรจาสะดุดขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นจากฝั่งพลังประชารัฐเอง” แหล่งข่าว กล่าว

ตอนนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช ตัวแทนจากฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ ก็ปฎิเสธการเจรจา ขณะที่ฝ่ายพรรรคภูมิใจไทยก็ไม่คุยด้วย เช่นกัน เพราะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น  จึงทำให้การเจรจาสะดุดลง “หากอีกฝั่งสามารถรวบรวมได้เกินกว่า 251 เสียง มีความชอบธรรมทันที ขณะที่พลังประชารัฐหมดความชอบธรรมทันที” แหล่งข่าวจากพลังประชารัฐ กล่าว

กรณ์2

แหล่งข่าว กล่าวว่าปัญหาที่เกิดขึ้น จึงทำให้ข้อเสนอของพลังประชารัฐที่มีต่อพรรคร่วมทั้งสองพรรค ไม่ได้รับการตอบรับ และไม่มีใครยอมเปิดการเจรจากับพลังประชารัฐ เพราะไม่เห็นด้วยกับการรวบเอากระทรวงเศรษฐกิจไว้กับทีมเศรษฐกิจของคสช. ทุกพรรคเห็นว่าการบริหารงานที่ผ่านมามีปัญหา และถ้าพรรคร่วมทั้งสองยอมให้กระทรวงเศรษฐกิจไปอยู่ในมือของทีมเศรษฐกิจยุคคสช.บริหารต่อก็จะถูกสังคมด่า ประชาชนก็จะไม่ศรัทธา

“ทุกพรรคไม่อยากมามีส่วนร่วมรับผิดชอบทางการเมืองกับปัญหาเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจเดิม ที่ทำไว้ พวกเขาอยากเข้ามาเริ่มต้นใหม่ เพราะทุกพรรคหาเสียงไว้ว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น หากเป็นทีมชุดเดิมเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนได้”แหล่งข่าว กล่าว

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า”หากไม่สามารถจัดสรรกระทรวงเศรษฐกิจให้กับพรรคร่วมรัฐบาลได้ลงตัว อาจจะทำให้ทั้ง 2 พรรค หันไปจับมือร่วมกับฝั่งประชาธิปไตยได้ ซึ่งจะทำให้พรรคพลังประชารัฐตกที่นั่งลำบากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้”

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight