สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ระบุ ความต้องการพลังงานโลกที่พุ่งขึ้น 2.3% เมื่อปีที่แล้ว แซงหน้าการขยายตัวในด้านพลังงานหมุนเวียน และยังทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
รายงาน สถานะพลังงาน และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โลก ของไออีเอ แสดงให้เห็นว่า การขยายตัวที่เพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 2 นี้ มีการใช้น้ำมันดิบคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 70% ของปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
ขณะที่ก๊าซธรรมชาติมีสัดส่วนราว 45% ของการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ส่วนการขยายตัวด้วยตัวเลข 2 หลัก ของพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ยังเติบโตไม่เร็วพอที่จะรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นได้ ทำให้การใช้ถ่านหิน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากสุด เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
“เรามองเห็นความต้องการพลังงานของโลกเพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบทศวรรษนี้” ฟาติห์ ไบรอล ผู้อำนวยการบริหารไออีเอ กล่าว
อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า ถึงแม้พลังงานหมุนเวียนจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่การปล่อยมลพิษของโลกยังเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นอีกครั้งถึงความจำเป็นที่เร่งด่วนมากขึ้นสำหรับทุกฝ่ายที่จะจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก