การเลือกตั้งครั้งนี้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอยู่ที่ 51,205,624 คนทั่วประเทศ เป็นการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) รวมทั้งหมด 500 ที่นั่ง แบ่งเป็นส.ส.แบบแบ่งเขต 350 ราย และส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 150 ราย โดยพรรคที่ได้ ส.ส. ไม่น้อยกว่า 25 ราย มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี
วาทะเด็ดหลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 สิ่งที่ได้ยินตลอดเวลาหลังเสร็จสิ้นภารกิจเลือกตั้งนั่นคือ “โคตร” เป็นวาทะกรรม ที่เป็นเสียงสะท้อนที่ออกมาจากผู้คน ที่มีการพูดคุยกันหลังเลือกตั้ง “โคตร” ในที่นี้ มุ่งไปที่ “โคตรมั่ว โคตรงง โคตรพิศดาร โคตรเหลือเชื่อ สุดท้าย โคตรโกง” เป็นต้น ความมึนงงของประชาชนหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ที่การแพ้หรือชนะของพรรคการเมือง แต่อยู่ที่ ตัวเลขของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง บัตรดี บัตรเสีย บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด หลายจังหวัดหลายพื้นที่ตัวเลขที่ปรากฏดูเหมือนผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
สิ่งที่สร้างความประหลาดใจกับการเลือกตั้ง ซึ่งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ หลายจังหวัด นั่นคือตัวเลขบัตรดี บัตรเสีย บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด กลับปรากฎว่ามีจำนวนสูงกว่าผู้มาใช้สิทธิแต่ละจังหวัดมีตัวเลขเกินมาตั้งแต่ระดับ 200,000 -800,000 คน เป็นอย่างต่ำ ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเกิดคำถามมากมายเอาไปรวมให้กับพรรคไหน ทำไมถึงเป็นอย่างนี้
วันนี้เราจะเห็นว่าวิวัฒนาการการเลือกตั้งไม่ได้อยู่ที่ การทุจริต ซื้อสิทธิขายเสียง แต่กลับมีพัฒนาถึงขั้น “ปั้นตัวเลข” ให้เกินกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแบบไม่ต้องเกรงกลัวอะไร แม้แต่น้อย
แต่ละพื้นที่เกิดปัญหามากมาย บางพื้นที่ผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งกลับไม่มีรายชื่อ บางพื้นเกิดปรากฏการณ์ “ผี” โผล่ขึ้นมา เรื่องร้องเรียนก็มีอยู่ไม่น้อย ขึ้นอยู่กับว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบจะให้ความสนใจ กับเรื่องร้องเรียนแค่ไหน บางจังหวัดมีการร้องเรียนก่อนเลือกตั้ง การเลือกตั้งเสร็จสิ้นการสอบสวนก็ดูเหมือนไม่ค่อยจะเกิดขึ้น
สิ่งที่กำลังมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักตอนนี้ ดูเหมือนจะเป็นการจัดการการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่สร้างความอึดอัด และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในตอนนี้ มีหลายประเด็นที่สังคม และหน่วยงานที่เฝ้าติดตามการเลือกตั้งอย่าง มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) ถึงกับออกแถลงการณ์ ระบุชัดว่ากกต. ขาดประสบการณ์ ไร้ความสามารถที่จะจัดการเลือกตั้งให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ มีปัญหาเกิดขึ้นหลายกรณี ประชาชนออกมาใช้สิทธิต่ำกว่าที่คาดการณ์
จะด้วยความอ่อนหัดหรือไม่อย่างไร แต่สิ่งที่ปรากฏทำให้ ความศรัทธาต่อกกต. ลดต่ำลงอย่างหนัก เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเซียลอย่างหนัก โดยเฉพาะทวิตเตอร์แห่กันติดแฮชแท็กเกี่ยวกับ กกต. กันสนั่นอย่างเช่น #กกต.โป๊ะแตก #โกงการเลือก #ThaiElection2019 #ประเทศกูมี เป็นต้น
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งนี้ เห็นเด่นชัดนั่นคือผลคะแนนสวิงไปสวิงมา เรียกว่าแบบ “งงๆ” กับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่กกต.ก็ดูเหมือนเป็นเป้าถูกโจมตีสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรไม่ต้องอธิบายเชื่อว่าคนทั้งประเทศที่ไปใช้สิทธิออกเสียง น่าจะมองเห็นได้เองว่าเป็นอย่างไร
แต่ที่แน่ๆการเลือกตั้งรอบนี้ คำถามที่ตามมาผลการเลือกตั้งสุจริต แค่ไหน? สิ่งที่ปรากฏตามโลกออนไลน์ กับการร้องเรียนที่เกิดขึ้น กกต.จะจัดการอย่างไร หรือว่าสิ้นสุดการเลือกตั้งแล้วปล่อยๆผ่านไป วันนี้การเลือกตั้งผ่านมาแล้ว 3 วัน ยังไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการได้ ต้องรอไปถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 เรียกว่าใช้เวลาร่วม 45 วัน นานที่สุดเท่าที่มีการเลือกตั้งมาอย่างนั้นหรือ จนทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ยังคาใจกับการทำงานของกกต.
ระหว่างทางในช่วงที่ยังไม่มีการรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เชื่อเถอะ…ประชาชนคนไทยจะได้เห็นอะไร แปลกพิศดารเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ว่าการเลือกตั้งบ้านเราเขาทำกันอย่างนี้หรือ มันใช่ Thailand 4.0 หรือแค่ 0.4 กันแน่
เฉกเช่นเดียวกับกกต. อย่าปล่อยให้การเลือกตั้งครั้งนี้เข้ามาครอบงำการทำงาน เพียงเพื่อตัวเลขสวยๆ แต่องค์กรเสื่อมศรัทธาลง ไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ยังมีความเชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ความศรัทธาของกกต.ก็ต้องเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน