Telecommunications

กลุ่มทรูแจงไตรมาสแรกลูกค้าเพิ่ม 4.12 แสนราย

บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น แจงผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นไตรมาสแรกปี 2561 ขาดทุนลดลงเหลือ 387 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 1,152 ล้านบาท  EBITDA กลุ่มทรู เพิ่มขึ้น 23.0%   ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต  มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น 

จุดที่น่าสนใจของผลประกอบการไตรมาสนี้คือฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นถึงกว่า 4 แสนราย และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ที่เพิ่มขึ้น 1.15 แสนราย ขณะเดียวกัน ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหารลง 4.3% จากปีที่ผ่านมา  หากไม่รวมธุรกรรมการขายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (Digital Telecommunications Infrastructure Fund หรือ DIF) ในปี 2560 EBITDA ของกลุ่มทรู เพิ่มขึ้น 26.2% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า และ 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มบริษัท (ร่วม) กล่าวว่า “การเข้าร่วมโครงการเคเบิ้ลใต้น้ำ Southeast Asia – Japan 2 consortium  เพิ่มความแข็งแกร่งด้านการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบสื่อสารระหว่างประเทศทั้งสำหรับกลุ่มทรูและประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยระบบเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงในโครงการนี้ สามารถรองรับความต้องการใช้แบนด์วิธขนาดใหญ่ อาทิ การใช้งานวิดีโอสตรีมมิ่ง แอพพลิเคชันเสมือนจริง ปัญญาประดิษฐ์ ระบบคลาวด์ การวิเคราะห์ข้อมูล (analytics) หุ่นยนต์ และ IoT พัฒนาการเหล่านี้จะตอบโจทย์ความต้องการใช้งานข้อมูลหรือดาต้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล”

ปัจจุบันทรูมูฟ เอช มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มประมาณ 4.12 แสนราย ในไตรมาส 1 ปี 2561 ทำให้ฐานลูกค้าโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 27.63 ล้านราย ประกอบด้วยลูกค้าระบบเติมเงิน 20.56 ล้านราย และลูกค้าระบบรายเดือน 7.07 ล้านราย การใช้งานดาต้าที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับจำนวนลูกค้าที่เติบโตสูงขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการของทรูมูฟ เอช เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาส 1 ปีก่อนหน้า เป็น 18,000 ล้านบาท

ในไตรมาส 1 ปี 2561 ในขณะที่รายได้จากการให้บริการของผู้ให้บริการรายใหญ่รายอื่นรวมกันเพิ่มขึ้นเพียง 2% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า และทำให้ในไตรมาสแรก ส่วนแบ่งตลาดรายได้และฐานลูกค้าของทรูมูฟ เอช เพิ่มขึ้นเป็น 27.6% และ 30.9% ตามลำดับ

ด้านรายได้บรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ตของทรูออนไลน์เติบโต 15.2% จากไตรมาสแรกปีก่อนหน้า เป็น 6.3 พันล้านบาท โดยมีฐานลูกค้าบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นสุทธิประมาณ 1.15 แสนราย เป็น 3.3 ล้านราย และมีรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) เพิ่มเป็น 618 บาท

นอกจากนี้ การที่กลุ่มทรูเข้าร่วมโครงการเคเบิ้ลใต้น้ำ Southeast Asia – Japan 2 consortium (SJC2) ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างประเทศและประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตให้ดียิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการใช้งานบรอดแบนด์ด้วยแบนด์วิธที่เพิ่มสูงขึ้นของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ตลอดจนลูกค้ากลุ่มองค์กรที่กำลังปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล

ส่วนรายได้ทรูวิชั่นส์มีการเติบโต 4% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 3.1 พันล้านบาท โดยมีฐานลูกค้ารวม  4 ล้านราย   สิ้นไตรมาส 1 ปี 2561

Avatar photo