ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของกิจการพลังงานของประเทศในเวลานี้ เพราะสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ พีดีพี ฉบับปี 2018 สัดส่วนสูงถึง 53% แอลเอ็นจี จึงเป็นความจำเป็นทดแทนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่หร่อยหรอลง โดยมีปตท.เป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลไทยในการนำเข้าแอลเอ็นจี
ปัจจุบันปตท.มีการทำสัญญาซื้อขายแอลเอ็นจีระยะยาวทั้งหมด 5 สัญญา รวมปริมาณ 5.2 ล้านตันต่อปี ทั้งจากการ์ต้า บีพี เชลล์ ปิโตรนาส เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานระยะยาว และกำลังหาซื้อเป็นสัญญาระยะยาวเพิ่มเติมอีกฉกฉวยจังหวะการเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ราคาแอลเอ็นจีอ่อนตัวเหลือ 7-8 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู สร้างแต้มต่อรองรับการเปิดเสรีกิจการก๊าซธรรมชาติในระยะยาว
รวมถึงกำลังจะลงนามสัญญาซื้อขายแอลเอ็นจี จากแหล่งใหญ่อีกแหล่งในอนาคตอันใกล้ จากโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ซึ่งบริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ถือหุ้น 8.5% โดยปตท.มีแผนจะทำสัญญาซื้อขายแอลเอ็นจีจากโครงการนี้ ราว 2.6 ล้านตันต่อปี
ซื้อมาแล้วจะรับและแปลงสภาพอย่างไร ปตท. จึงเดินหน้าขยายสถานี รับ-จ่าย แอลเอ็นจีคู่กันไป โดยวันนี้ (22 มี.ค.) ได้วางศิลาฤกษ์ สตาร์ทโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือ และสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว หนองแฟบ ( Nong Fab LNG Receiving Terminal ) ณ บ้านหนองแฟบ ตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง บนพื้นที่ 182 ไร่
ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด สามารถรองรับการนำเข้าแอลเอ็นจีได้ปริมาณ 7.5 ล้านตันต่อปี ด้วยงบลงทุน 38,500 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จปี 2565 เป็นสถานีจัดเก็บ และแปรสภาพแอลเอ็นจีจากของเหลวเป็นก๊าซ เพื่อจัดส่งเข้าโครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติต่อไป
โครงการนี้ช่วยสร้างศักยภาพการนำเข้าแอลเอ็นจีจาก 11.5 ล้านตันต่อปี เป็น 19 ล้านตันต่อปีในอีก 3 ปีข้างหน้า ความสำคัญของสถานีแอลเอ็นจีที่หนองแฟบ ไม่ได้เป็นเพียงสถานีรับจ่ายแอลเอ็นจีเท่านั้น นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานกรรมการ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ระบุว่า จะช่วยยกระดับให้ไทยเป็น ฮับ (Hub ) แอลเอ็นจีในอนาคต ทั้งนี้เพราะปตท.ไม่ได้มองถึงการนำเข้าเพื่อจำหน่ายในประเทศเท่านั้น แต่จะเป็นผู้ค้าขายแอลเอ็นจีในภูมิภาคด้วย
“ไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางค้าขายแอลเอ็นจีในภูมิภาคนี้ เพราะศักยภาพของปตท.เอง และการอยู่ในจุดศูนย์กลางของไทยที่อยู่ท่ามกลางประเทศเพื่อนบ้านที่ล้วนต้องการแอลเอ็นจี โดยปตท.มีแผนระยะกลางที่จะสร้างกองเรือนำเข้าแอลเอ็นจีของตัวเองด้วย เพื่อสร้างศักยภาพในการเป็นผู้นำเข้า และผู้ค้ารายใหญ่ ”
ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงานเอง ก็มีการเชื่อมต่อความต้องการ และการใช้ก๊าซฯของประเทศในระยะยาว นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน บอกถึงแผนงานของรัฐ ในการส่งเสริมการใช้ก๊าซฯว่า การใช้เชื้อเพลิงรองรับแผน พีดีพี ฉบับปี 2018 ทั้งแผนก๊าซฯ แผนพลังงาน แผนพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก ( AEDP ) แผนอนุรักษ์พลังงาน ( EEP) รวมถึงการใช้น้ำมันจะแล้วเสร็จในสิ้นเดือนนี้
โดยยืนยันว่าแอลเอ็นจีมีโอกาสเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะตลาดในประเทศไทย ทั้งความต้องการของโรงไฟฟ้าและภาคอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันก็สามารถขนส่งตีคู่ไปกับระบบเครือข่ายขนส่งมวลชนของประเทศที่กำลังขยายหลายโครงการ โดยเฉพาะรถไฟรางคู่ที่จะช่วยให้การขนส่งแอลเอ็นจีจากภาคตะวันออกไปได้ไกลขึ้น เชื่อมไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ