มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ออกโรงเตือนเกษตรกรหลายล้านคนเสี่ยงที่จะสูญเสียวิถีชีวิตของตัวเอง หากสหภาพยุโรป (อียู) ห้ามใช้น้ำมันปาล์ม ในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพในยุโรป
แนวโน้มการเลิกใช้น้ำมันปาล์มของอียูเกิดขึ้น หลังจากที่รัฐสภายุโรปผลักดันให้ยุโรป ลดปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มลงไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป จนห้ามใช้ในที่สุดภายในปี 2573 จากความกังวลว่า การผลิตน้ำมันปาล์ม จะเป็นสาเหตุของการทำลายป่า และทำให้ภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้น
ท่าทีดังกล่าว ทำให้มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้จัดหาน้ำมันปาล์มป้อนตลาดโลกรวมกันแล้วมากถึง 85% ของการจัดหาทั้งหมด ออกมาขู่ที่จะดำเนินมาตรการทางการค้าต่ออียูรวมถึง การคว่ำบาตรสินค้าอียู หากมีการออกมาตรการดังกล่าวมาจริง
“เราจริงจังเกี่ยวกับการคว่บาตรสินค้าอียู” นายลูฮัทม ปันด์ไจตัน รัฐมนตรีประสานงานกิจการน่านน้ำของอินโดนีเซีย กล่าว
นอกจากนี้ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ยังมีแผนที่จะยื่นฟ้องเรื่องนี้ต่อองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ด้วย
“มาเลเซียจะเดินหน้ายื่นเรื่องนี้่ต่อที่ประชุมต่างๆ ของดับเบิลยูทีโอ เพื่อกดดันอียู” นายอ่อง เคียน หมิง รองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบด้านอุตสาหกรรม และการค้าภายใปนระเทศ กล่าาว
นายอ่อง บอกด้วยว่า กระทรวงของเขากำลังพิจารณาถึงวิธีการอื่นๆ เพื่อแก้ไขในเรื่องนี้ด้วย