“เจอโรม พาวเวลล์” ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณถึงการระงับขึ้นดอกเบี้ยไปอีกนาน ชี้ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก สร้างแรงกดดันต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อยังไม่คึกคัก
“ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ออกมา ไม่ได้แสดงให้เราเห็นว่าควรมุ่งหน้าไปในทิศทางใดเลย แต่บ่งชี้ว่า เราควรที่จะอดทนต่อไป และปล่อยให้เวลา เป็นตัวทำให้สถานการณ์ชัดเจนขึ้นด้วยตัวเอง” ผู้นำเฟดแถลง หลังสิ้นสุดการประชุมเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบาย ที่บรรดากรรมการเฟดต่างเห็นพ้องที่จะยุติการคาดการณ์ถึงการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
“อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ก่อนที่แนวโน้มการจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อ จะชัดเจนสำหรับการเปลี่ยนแปลงในนโยบายใดๆ ”
ที่ประชุมยังตัดสินใจที่จะชะลอการลดการถือครองพันธบัตรของธนาคารกลางเอาไว้ก่อน ซึ่งเมื่อรวมการตัดสินใจทั้ง 2 เรื่องเข้าด้วยกันแล้ว ก็ชัดเจนว่า เฟดได้ยุตินโยบายเพิ่มความเข้มงวดทางการเงิน โดยหันไปใช้ท่าทีที่มีความระมัดระวังมากขึ้น สัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบาย มองความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างจริงจัง
สรุปแถลงการณ์เฟด
หลังจากที่การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของเฟดเสร็จสิ้นลงวานนี้ (20 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ได้มีการออกแถลงการณ์ ที่ระบุว่า ข้อมูลที่ได้รับนับตั้งแต่ที่คณะกรรมการประชุมกันในเดือนมกราคม บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวช้าลง หลังจากที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4
ส่วนการจ้างงานมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในเดือนกุมภาพันธ์ แต่การขยายตัวของการจ้างงานในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้น โดยเฉลี่ยมีความแข็งแกร่ง โดยอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ขณะเดียวกันข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า การขยายตัวของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจชะลอตัวลงในไตรมาสแรก
ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อรายปี และอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปรับตัวลดลง โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากราคาพลังงานชะลอตัวลง โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ยังคงอยู่ใกล้ระดับ 2%
สำหรับมาตรการแบบอิงตลาดที่ใช้สำหรับชดเชยปัจจัยเงินเฟ้อนั้น ยังคงอยู่ในระดับต่ำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และข้อมูลที่ได้จากการสำรวจการคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวบ่งชี้ว่า มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการจ้างงานให้เติบโตอย่างเต็มที่และหนุนราคาให้มีเสถียรภาพ ในการสนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ คณะกรรมการจึงได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50%
คณะกรรมการยังคงมีมุมมองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และภาวะตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของคณะกรรมการ
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลก รวมทั้งแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดน้อยลงแล้ว คณะกรรมการจะใช้ความอดทน ส่วนการปรับเปลี่ยนกรอบเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคตนั้น จะพิจารณาตามความเหมาะสม เพื่อสนับสนุนผลลัพธ์เหล่านี้
ในการตัดสินใจเกี่ยวกับช่วงเวลาและขนาดในการปรับกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคตนั้น ทางคณะกรรมการจะประเมินภาวะเศรษฐกิจทั้งในแง่ของความเป็นจริงและการคาดการณ์ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเป้าหมายของการจ้างงานสูงสุดและเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
การประเมินนี้จะพิจารณาข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงมาตรวัดภาวะตลาดแรงงาน ปัจจัยชี้วัดเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อ และการพิจารณาถึงความคืบหน้าทางการเงินและสถานการณ์ในต่างประเทศ
