Economics

‘THAI’ เผยไตรมาสแรกกำไรร่วงเหลือ 2.7 พันล้าน

การบินไทย

นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2561 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,717 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,157 ล้านบาท หรือลดลง 13.9 % โดยคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.24 บาท ลดลงจากปีก่อน 1.45 บาท หรือลดลง 14.5%

บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 53,466 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 3,662 ล้านบาท หรือ 7.4% สาเหตุสำคัญเนื่องจากรายได้จากค่าโดยสารและน้ำหนักส่วนเกินเพิ่มขึ้น 6.4% จากปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น 2.2% และรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 4.5% รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณีย์ภัณฑ์เพิ่มขึ้น 9.9% และรายได้จากการบริการอื่นๆเพิ่มขึ้น 16.4%

สำหรับค่าใช้จ่ายรวม 49,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,393 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 5.1% เนื่องจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 1,189 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.3% จากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นถึง 22.8% และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าน้ำมัน เพิ่มขึ้น 1,280 ล้านบาท หรือ 3.9% สาเหตุหลักเกิดจากค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยาน และค่าเช่าเครื่องบินและอะไหล่เพิ่มขึ้น

ในไตรมาสนี้ บริษัทมีจำนวนเครื่องบินที่ใช้ในการดำเนินงาน 104 ลำ สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 9 ลำ โดยในไตรมาสนี้ได้รับมอบเครื่องบินแบบแอร์บัส A350-900 จำนวน 4 ลำ อัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบิน (Aircraft Utilization) เท่ากับ 11.9 ชั่วโมง ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ 12.4 ชั่วโมง

บริษัทฯและบริษัย่อยมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้น 4.9% โดยปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 2.2% มีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 80.6% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 80.9% แต่ต่ำกว่าปีก่อนที่เฉลี่ย 82.8% และมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 6.25 ล้านคน ต่ำกว่าปีก่อน 4.1%

ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานธุรกิจการบิน (Operating profit) จำนวน 3,836 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 49.4% จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นทั้งรายได้ค่าบัตรโดยสารและน้ำหนักส่วนเกิน รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ และรายได้จากการบริการอื่น

อย่างไรก็ตาม บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินจำนวน 2,473 ล้านบาท จากมูลค่ายุติธรรมของเครื่องบินที่ปลดระวางและรอการขายจากผู้ประเมินราคามาตรฐานที่บริษัทใช้อ้างอิงปรับลดลงจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเครื่องบินแอร์บัส A340 ขณะที่กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 583 ล้านบาท ที่เกิดจากการตีมูลค่าทางบัญชี ส่งผลให้มีกำไรสุทธิบริษัทและบริษั่ย่อยในไตรมาสนี้ลดลงเมื่อเที่ยบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ณ วันที่ 31 มี.ค.61 บริษัทและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 286,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธ.ค.60 จำนวน 5,394 ล้านบาท (1.9%) หนี้สินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย เท่ากับ 251,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,651 ล้านบาท (1.1%) และส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 34,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,743 ล้านบาท (8.6%) เป็นผลมาจากการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรในไตรมาสนี้

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK