เอเชียนำโด่ง ยื่นจดสิทธิบัตรระหว่างประเทศมากสุดในโลก เมื่อปีที่แล้ว แรงหนุนจากจีน อินเดีย และเกาหลีใต้ ที่ยื่นเรื่องมากขึ้น สะท้อนถึงการมีส่วนร่วมในตลาดนวัตกรรมโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะ “หัวเว่ย” แชมป์ บริษัทที่ยื่นจดสิทธิบัตรมากสุดในโลก
องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (ดับเบิลยูไอพีโอ) เผยแพร่เอกสารล่าสุด ที่แสดงให้เห็นว่า ในปี 2561 ทั่วโลกมีการยื่นจดสิทธิบัตรระหว่างประเทศ มากเป็นประวัติการณ์ถึง 253,000 คำร้อง หรือเพิ่มขึ้น 3.9% จากจำนวนคำขอในปี 2560 ซึ่งในจำนวนนี้ 50.5% มาจากเอเชีย
ตัวเลขดังกล่าวจำกัดเฉพาะการยื่นจดสิทธิบัตรตามสนธิสัญญาความร่วมมือทางสิทธิบัตร ซึ่งเป็นความร่วมมือกันเพื่อปกป้องสิทธิ์ในสิทธิบัตร และมีสมาชิกลงนามมากกว่า 150 ประเทศ
การยื่นขอจดสิทธิบัตรภายใต้สนธิสัญญานี้ จะทำให้สิทธิบัตรที่ผ่านการอนุมัติ ได้รับการคุ้มครองจากทุกประเทศ ต่างจากการยื่นจดเฉพาะในประเทศ หรือภูมิภาคนั้นๆ ที่จะได้รับการคุ้มครองเฉพาะในเขตอำนาจของสำนักงานที่อนุมัติเท่านั้น
ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่า เมื่อปีที่แล้ว การยื่นขอจดสิทธิบัตรจากจีนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 9.1% มาอยู่ที่ 53,345 คำร้อง แต่ยังเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐที่มีการยื่นคำร้อง 56,142 คำร้อง ลดลง 0.9% จากเมื่อปี 2560 ซึ่งคาดว่าจีนจะแซงหน้าสหรัฐได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า
อันดับ 3 ตกเป็นของญี่ปุ่น ที่มียอดการยื่นขอจดสิทธิบัตรเพิ่มขึ้น 3.1% มาอยู่ที่ 49,702 คำร้อง
รายงานบอกด้วยว่า การยื่นคำร้องที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีในเอเชีย ที่เติบโตขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับบริษัทอื่นๆ ในตลาดโลก
เมื่อปีที่แล้ว หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ของจีน ยื่นคำร้องขอจดสิทธิบัตรจำนวน 5,405 คำร้อง เพิ่มขึ้นถึง 34.3% ต่อปี และยังรักษาตำแหน่งบริษัทที่ยื่นขอจดสิทธิบัตรมากสุดในโลกเอาไว้ได้ แม้ในช่วงที่ผ่านมา หัวเว่ยจะเจอกับแรงกดดันอย่างหนักจากสหรัฐ และชาติพันธมิตร ที่ไม่ให้ใช่้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในกระบวนการติดตั้งเครือข่าย 5จี ของหน่วยงานของรัฐบาล
ขณะที่อินเดีย แม้จะติดอยู่ในอันดับ 13 ของโลก จากการยื่นคำร้องขอจดสิทธิบัตรพุ่งขึ้น 27.2% มาอยู่ที่ 2,013 คำร้อง และไม่มีบริษัทท้องถิ่นรายใดติดอยู่ใน 50 อันดับแรกของบริษัทที่ยื่นจดสิทธิบัตรเลย แต่ก็เป็นประเทศที่มีการเติบโตมากสุดใน 15 ประเทศที่ยื่นจดสิทธิบัตรมากสุดของโลก
ฟรานซิส เกอร์รี ผู้อำนวยการใหญ่ดับเบิลยูไอพีโอ ระบุว่า ข้อมูลที่ออกมาแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ในกิจกรรมนวัตกรรมที่ถ่ายเทจากตะวันตกไปยังตะวันออก
“ในตอนนี้ เอเชียกลายมาเป็นกลุ่มที่มีการยื่นจดสิทธิบัตรระหว่างประเทศรายใหญ่สุดของโลก ซึ่งถือเป็นหลักชัยสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาค”
ขณะที่ แกสตัน ครุบ ทนายความจาก ครุบ ซิลเบอร์แชร์ แอนด์ โคลมายคอฟ บริษัทกฎหมายนิวยอร์ก ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า บริษัทเอเชียทุกขนาด มีความรอบรู้เพิ่มขึ้นอย่างมากเกี่ยววิธีการพัฒนา และใช้ทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงการปกป้องตัวเองในตลาดโลก’
“ภายในจีนนั้น เราเริ่มมองเห็นบริษัทท้องถิ่นจำนวนมากขึ้น ที่ยื่นขอจดสิทธิบัตรในประเทศ และพฤติกรรมเช่นนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ในระดับสูงสุดของรัฐบาลจีน ซึ่งในทันทีที่บริษัทรายหนึ่งรายใด มีความคุ้นเคยกับการยื่นจดสิทธิบัตรแล้ว ก็มีแนวโน้มมากขึ้นว่า พวกเขาจะยื่นขอจดสิทธิบัตรในประเทศอื่นๆ ด้วย”
ทั้งนี้ การที่อันดับการจดสิทธิบัตรของจีนเพิ่มขึ้นนั้น สะท้อนให้เห็นถึงการใช้จ่ายในด้านเทคโนโลยีก้าวหน้าของประเทศนี้ ซึ่งในรายงาน “5จี โอกาสที่จะเป็นผู้นำแห่งทศวรรษ” ของดีลอยต์ พบว่า นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา จีนใช้จ่ายในด้านโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารไร้สาย มากกว่าสหรัฐราว 24,000 ล้านดอลลาร์ และสร้างโครงสร้างเหล่านี้ใหม่จำนวน 350,000 แห่ง เทียบกับสหรัฐที่สร้างใหม่ไม่ถึง 30,000 แห่ง
