Politics

เตรียมพร้อม!! ‘ธนาธร’ โอนทรัพย์สิน 5 พันล้านเข้ากองทุนหวังลบข้อครหา

เตรียมพร้อม!! “ธนาธร” โอนทรัพย์สิน 5 พันล้านเข้า “กองทุนบลายด์ ทรัสต์” หวังสร้างมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองใหม่ ลบข้อครหาทำการเมืองเพื่อธุรกิจครอบครัว

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงแนวทางการจัดการทรัพย์สินของตนก่อนเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง พร้อมลงนามเอกสาร MOU ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนส่วนบุคคล หรือที่เรียกว่า “Blind Trust” คือการนำทรัพย์สินตนเองไปให้บริษัทจัดการทรัพย์สินดูแล โดยไม่มีอำนาจสั่งการ และมองไม่เห็น เพื่อต้องการที่จะปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ด้วยความซื่อสัตย์ และสุจริตใจ ไม่เบียดบังเวลาราชการไปประกอบธุรกิจ และปฏิเสธการใช้ช่องว่างของบทบัญญัติแห่งกฎหมายในการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม

ธนาธร153622

“จะเป็นการสร้างมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองใหม่ แก้ข้อสงสัย ลบข้อครหา ว่าตนเข้ามาทำการเมือง เพื่อธุรกิจครอบครัวหรือไม่ ซึ่งการทำเช่นนี้ ข้อดี จะได้ไม่วอกแวก มีบุคคลมาดูแลทรัพย์สินให้ จะได้ทุ่มเทการเมืองเต็มที่ พร้อมย้ำว่า มาเพื่ออุดมการณ์ ไม่ใช่ทำให้ตัวเองหรือครอบครัวรวยขึ้น” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวอีกว่า จะเก็บทรัพย์สิน ไว้บ้างเฉพาะที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนหุ้นทั้งหมด การลงทุนทั้งหมด ยกให้บริษัทจัดการกองทุนดูแล ทั้งนี้ตนอยากยกระดับมาตรฐานที่สูงกว่ากฎหมายไทย ที่แค่ สั่งไม่ได้ แต่ต้อง มองไม่เห็นด้วย ซึ่งต้องทำสัญญา ความเสี่ยง พร้อมแต่งตั้งสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ ที่เป็นบุคคลที่สาม มากำกับดูแลอีกขั้น แต่ไม่สามารถสั่งการได้ จะเจอทรัพย์สิน ตนเองอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อ เลิกเล่นการเมือง ซึ่งปลายเดือนพฤษภาคม ก็คาดว่าการโอนย้ายทรัพย์สิน จะแล้วเสร็จ ส่วนมูลค่าทรัพย์สินจะมากน้อยเท่าใดนั้น นายธนาธร ระบุว่า อีกประมาณหนึ่งเดือนถึงจะเช็คยอดได้ทั้งหมดแต่ก็คงอยู่ในกรอบ 5,000 ล้านบาท บวกลบ ส่วนจะมากน้อยแค่ไหน เมื่อเป็น ส.ส. ก็คงต้องชี้แจง

“ในข้อสัญญา จะระบุชัด ว่า จะไม่ซื้อหุ้นไทยทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์และการจัดการกองทุนนี้ จะปลดล็อกจนกว่า “ธนาธร” พ้นตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว 3 ปี รวมถึงกรณีของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้เป็นมารดาที่จะขายหุ้นสื่อมวลชนในระยะเวลาอันใกล้นี้ ขอย้ำว่า เมื่อครั้งที่ผมเป็นกรรมการบริหารมติชน ก็ทำอย่างสุจริตช่วยผลักดันในหลายปี เมื่อพฤษภาคมปีที่แล้ว ที่ลาออกมาครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจ ก็ไม่ได้ส่งใครไปนั่งเป็นกรรมการบริหาร แทนตำแหน่งผมที่ว่างไป ซึ่งแม่ผมก็จะขายหุ้นเพื่อให้ สังคมสบายใจ” นายธนาธร กล่าว

ธนาธร83622

ส่วนกรณีของกลุ่มบริษัทไทยซัมมิทนั้น นายธนาธร ย้ำว่า เป็นธุรกิจเปิดเสรีคู่แข่งไม่มีคนไทยแต่แข่งขันกับต่างชาติ และไม่เคยเข้าไปเป็นคู่สัญญากับรัฐแทบจะ 100% ลูกค้าอยู่ต่างประเทศที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทไม่ได้มีรายได้หลักจากลูกค้าภาครัฐ ซึ่งหากในอนาคตไทยซัมมิทจะไปเป็นคู่สัญญากับภาครัฐ ก็อยากให้สื่อประชาชนช่วยกัน ตรวจสอบ เพราะตนเองไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวได้ และออกมาจากบริษัทแล้ว และหากในอนาคตตนมีตำแหน่งทางการเมืองก็จะไม่เข้าไปร่วมตัดสินใจในเรื่องที่ไทยซัมมิท ทำกับรัฐ

ส่วนการจัดการทรัพย์สินครั้งนี้นายธนาธร กล่าวว่า เป็นเพราะมีบทเรียนจากนักการเมืองในอดีตที่เป็นนักธุรกิจอย่างนายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่นั้น นายธนาธร ระบุ ไม่ได้คิดว่า เฉพาะนายทักษิณ ส่วนที่หลายคนมองและเปรียบเทียบนายธนาธรกับนายทักษิณ เหมือนกันนั้น นายธนาธร กล่าวว่า การที่จะไม่ทำแบบนายทักษิณ คือ ซื่อตรง เมื่อลาออกแล้ว ลาออกจริง ไม่เคยกลับไปยุ่งกับธุรกิจ เชื่อมั่นในเกียรติของตัวเองเพียงพอ แบ่งเส้นธุรกิจ กับการเมืองชัดเจน เพราะรวยขึ้นอีกพันล้าน ไม่คุ้มกับความด่างพร้อย และทำลายความฝันเปลี่ยนแปลงประเทศ ส่วนด้านการเมือง ความต่างคือ เราไม่ได้แก้ปัญหาเชิงประเด็น แต่ทำในเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่พรรคที่มีนโยบายเชิงประเด็น

ส่วนการที่ออกมาจัดการทรัพย์สินในช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้งนั้น นายธนาธร กล่าวว่า เหลืออีก 6 วัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่ได้หมายความว่า การกระทำเช่นนี้ เพราะ ดีลร่วมรัฐบาลกับใครแล้ว ตกลงกับใครแล้ว ไม่มีคุย หรือต่อสายตรง ซึ่งภารกิจแรก ต้องเปิดประตูประชาธิปไตย หยุดสืบทอดอำนาจ คสช. แก้รัฐธรรมนูญ 2560 ย้ำ ไม่ร่วมพรรคพลังประชารัฐพรรคเดียว

Avatar photo