“ศรีสุวรรณ” จี้ “กกต.” ใช้อำนาจสอบ 9 พรรคการเมืองใช้นโยบายเข้าข่ายประชานิยม ส่อโทษปรับสูงสุด 5 แสนบาท พร้อมหวั่นทำเลือกตั้งจริงโมฆะ
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่พบว่ามีลักษณะเป็นนโยบายประชานิยม ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาชาติ และพรรครวมพลังประชาชาติไทย
ทั้งนี้ มองว่าพรรคการเมืองที่หาเสียงจะต้องดำเนินการโฆษณาว่า ได้นำเงินมาจากแหล่งใดเพื่อดำเนินการนโยบาย รวมทั้งต้องมีการประเมินว่ามีผลดีและเสียอย่างไร เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง แต่ทุกพรรคการเมืองไม่ได้นำเสนอในประเด็นดังกล่าวที่จะมาใช้ในการทำนโยบาย จึงเกรงว่าหากไม่ดำเนินการจะสุ่มเสี่ยงให้การเลือกตั้งนี้เป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม และอาจนำไปสู่การเลือกตั้งที่เป็นโมฆะได้
“ตามมาตรา 57 วรรคสอง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กกต. มีอำนาจสั่งพรรคการเมืองแก้ไขดำเนินการให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่ กกต. กำหนด ดังนั้น ควรที่จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนถึงวันเลือกตั้ง หากพรรคไม่ดำเนินการแจ้งที่มาของเงินที่ใช้ในนโยบายต่างๆ รวมถึงประเมินผลดีผลเสียตามมา มีโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท รวมถึงปรับรายวัน 10,000 บาท และหาก กกต. ไม่ดำเนินการตรวจสอบถือว่ามีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157”นายศรีสุวรรณ ระบุ
นอกจากนี้ ยังได้ทำหนังสือสอบถาม กกต. กรณีการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังพบว่ามีการเกณฑ์ประชาชนไปต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ ในหลายจังหวัด เข้าข่ายใช้ประโยชน์ของส่วนราชการแอบแฝงการหาเสียงทางการเมืองในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งหรือไม่
ทั้งนี้ เพราะเรื่องดังกล่าวถือว่ามีความผิดมาตรา 78 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการหาเสียง หรือไม่ จึงขอให้ กกต. ตรวจสอบเรื่องนี้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะการหาเสียงควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพรรคการเมือง แม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ก็ตาม
