BGRIM เผยไตรมาสแรก กำไรสุทธิ 512 ล้าน เพิ่มขึ้น 22% ปักหมุดปี 61 กำลังผลิตโต 25% พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศและต่างประเทศ คาดปิดดีลซื้อกิจการโซลาร์ฟาร์ม “เวียดนาม” ครึ่งปีแรก
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2561 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 8,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าABPR3 ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์(COD) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561กำลังการผลิต 133 เมกะวัตต์ ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 1,779 เมกะวัตต์และการเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรม
ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิปรับปรุง 512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เล็งเพิ่มกำลังการผลิต 25%
ส่วนแผนการดำเนินงาน ปี 2561 ตั้งเป้ากำลังการผลิตเติบโตไม่น้อยกว่า 25% จากปีก่อนที่ 1,646 เมกะวัตต์ มาอยู่ที่ 2,091 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นไปตามการเปิดดำเนินการของโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 445 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 3 กำลังการผลิต 133 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ COD ไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561,โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 4 กำลังการผลิต 133 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 5 กำลังการผลิต 133 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะ COD ในช่วงสิ้นไตรมาส 2 และต้นไตรมาส 4 ตามลำดับ
นอกจากนี้ยังมี โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 โครงการ กำลังการผลิตรวม 31 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 1 โครงการในลาว กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์
คาดสรุปร่วมทุนเวียดนามไตรมาส2
ด้านความคืบหน้าในการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ คาดสรุปเจรจาพันธมิตรเวียดนาม เพื่อร่วมลงทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาด 420 เมกะวัตต์ในไตรมาส 2 ปีนี้พร้อมร่วมทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มและวินด์ฟาร์มกับพันธมิตรรายอื่นๆ
ส่วนความคืบหน้าในการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศ อยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนในการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาโรงงานอุตสาหกรรมอีกกว่า 70 เมกะวัตต์ และยังเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
ลงทุนต่อเนื่องปีละ“หมื่นล้าน”
สำหรับโครงการที่ บริษัทเซ็นต์สัญญาแล้ว ได้ตั้งงบประมาณในการก่อสร้างไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี เพื่อใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง เพื่อให้ปี 2565 บริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าทั้งสิ้น 52 โครงการกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,518 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ ได้เตรียมความพร้อมระดมทุนเพิ่มเติมทั้งในรูปแบบของเงินกู้จากสถาบันการเงินชั้นนำ อย่าง ADB และการออกหุ้นกู้ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อรองรับแผนการลงทุนของโครงการใหม่ที่กำลังเซ็นสัญญาเพิ่มเติม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการขยายกำลังการผลิตที่ 5,000 เมกะวัตต์
บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากต่างประเทศในปี 2565 คิดเป็นสัดส่วน 30% จากปัจจุบันที่ 6% และตั้งเป้าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเป็น 30% จากเดิมที่ 12% เพื่อเป็นการเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้และกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ