ไม่เฉพาะกรณีของเคมบริดจ์ แอนาลิติกา ที่กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวของวงการโซเชียลมีเดีย แต่ขณะนี้เฟซบุ๊กได้เริ่มตรวจสอบแอพพลิเคชันอื่น ๆ ที่อาจนำไปสู่การใช้ข้อมูลผิดวัตถุประสงค์แล้ว
โดยเฟซบุ๊กระบุในบล็อกของบริษัทว่า ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบแอพพลิเคชันหลายพันชิ้นว่ามีพฤติกรรมอย่างไรกับข้อมูลของผู้ใช้งาน รวมถึงมีการจัดการกับข้อมูลของผู้ใช้งานในลักษณะใด แต่ไม่ได้ระบุว่ามีแอพพลิเคชันอะไรบ้างที่เข้าข่ายนำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานไปใช้ผิดประเภท
โดยการตรวจสอบครั้งนี้ของเฟซบุ๊กเกิดหลังจากที่ศาสตราจารย์อเล็กซานเดอร์ โคแกน นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ผู้ที่ทำแบบทดสอบทางจิตวิทยาบนเฟซบุ๊ก และใช้ช่องโหว่ของเฟซบุ๊กดึงข้อมูลของผู้ใช้งานออกมาให้กับบริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดเคมบริดจ์ แอนาลิติกา ให้ข้อมูลว่า ยังมีแอพพลิเคชันต้องสงสัยอีกหลายพันตัวที่นักพัฒนา และนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลใช้เทคนิคเดียวกันกับเขาในการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก
ส่วนบริษัทเคมบริดจ์ แอนาลิติกา ที่ปรึกษาด้านการตลาดและเป็นบริษัทที่รับทำแคมเปญเลือกตั้งให้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ปิดตัวลงไปแล้วเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี สำหรับมูลค่าหุ้นของเฟซบุ๊กที่ลดลงอย่างหนักเมื่อช่วงที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว (จากวันที่ 15 มีนาคม อยู่ที่ราคา 185 ดอลล่าร์ วันที่ 26 มีนาคมตกลงไปเหลือแค่ 152 ดอลลาร์ จนบรรดาผู้ถือหุ้นออกมาตำหนิมาร์ค ซักเคอร์เบิร์กอย่างรุนแรงที่ปล่อยให้เกิดแฮชแท็ก #DeleteFacebook) มาถึงปัจจุบัน ซึ่งคิดเป็นระยะเวลาประมาณสองเดือน พบว่า ได้ไต่ระดับกลับขึ้นมาอยู่ในจุดเดิมแล้วเรียบร้อย
โดยจุดพลิกกลับนั้น บทวิเคราะห์จาก BusinessInsider ระบุว่ามาจากสองเหตุการณ์หลัก ๆ นั่นคือการเข้าให้ปากคำกับสภาคองเกรสของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก และงานสัมมนาประจำปีสำหรับนักพัฒนาในชื่อ F8 นั่นเอง
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Money CNN, BusinessInsider
