Business

เคอรี่เอ็กซ์เพรสทุ่ม 1.8 พันล้าน ตั้งเป้าส่งสินค้าล้านชิ้นภายในสิ้นปี

เคอรี่ เอ็กซ์เพรส
นายอเล็กซ์ อึ้ง กรรมการผู้จัดการ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเป็นสมรภูมิของธุรกิจการค้าออนไลน์ที่เต็มไปด้วยแบรนด์ต่าง ๆ เข้ามาเล่นในตลาดนี้กันอย่างพร้อมเพรียง ส่งผลให้บริการจัดส่งสินค้าเร่งด่วนกลายเป็นธุรกิจเนื้อหอมที่ใครต่อใครต่างต้องใช้บริการ ล่าสุดเป็น “เคอรี่ เอ็กซ์เพรส” ที่ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า บริษัทพร้อมลงทุน 1.8 พันล้านบาทภายใน 1 ปี เพื่อขยายศักยภาพให้สามารถจัดส่งสินค้าได้ 1 ล้านชิ้นต่อวันจากปัจจุบันที่ 750,000 ชิ้นต่อวัน

นายอเล็กซ์ อึ้ง กรรมการผู้จัดการ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ธุรกิจจัดส่งสินค้าเร่งด่วน เปิดเผยว่า ในช่วงสามปีที่ผ่านมา การเติบโตของตลาดจัดส่งสินค้านั้นอยู่ในระดับเลขสองหลักมาโดยตลอด อีกทั้งประเทศไทยก็ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เนื่องจากการค้าออนไลน์ในไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน 3 – 5 ปีข้างหน้านี้

“ปัจจุบัน เคอรี่ เอ็กซ์เพรสเป็น Network Business ไม่ใช่ Transportation Business อีกต่อไป” นายอเล็กซ์กล่าวพร้อมให้เหตุผลว่า เพราะสินค้าจะถูกจัดส่งเข้าระบบเพื่อคัดแยกก่อนจากนั้นจึงจะกระจายออกไปตามเน็ตเวิร์กของบริษัท ซึ่งเป็นคนละธุรกิจกับไลน์แมน, ฟู้ดแพนด้า ฯลฯ ที่เป็นการส่งตรงจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง

โดยจุดเด่นของเคอรี่ เอ็กซ์เพรส ที่ผ่านมาคือ มีจุดบริการในเขตกรุงเทพมหานครมากกว่า 900 แห่ง, มียานพาหนะสำหรับขนส่งมากกว่า 11,000 คัน และเป็นพันธมิตรกับค้าปลีกยักษ์ใหญ่ เช่น แฟมิลี่มาร์ท, ออฟฟิศเมท ทำให้ในแต่ละวัน บริษัทสามารถจัดส่งพัสดุได้ในระดับ 7.5 แสนชิ้น หรือครองส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ได้มากกว่า 80% (เฉพาะในภาคเอกชนไม่รวมบริการจากไปรษณีย์ไทย)

อีกหนึ่งบริการที่เคอรี่ เอ็กซ์เพรสมีศักยภาพก็คือบริการจัดส่งสินค้าแบบเก็บเงินปลายทาง โดยนายอเล็กซ์ อึ้งระบุว่า เคอรี่ เอ็กซ์เพรสมีเครือข่ายขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับธุรกิจดังกล่าว อีกทั้งยังมีการจับมือกับแรบบิท ไลน์ เพย์ รองรับการชำระเงินผ่าน QR Code ด้วย

P1010537

สำหรับการลงทุนเพื่อขยายขีดความสามารถของบริษัทภายใต้งบประมาณ 1.8 พันล้านบาทจะใช้ไปใน 4 ช่องทางหลัก ๆ ได้แก่

– การจ้างพนักงานเพิ่ม โดยสิ่งที่น่าสนใจคืออายุเฉลี่ยของพนักงานเคอรี่ เอ็กซ์เพรสในปัจจุบันอยู่ที่ 29 ปีเท่านั้น
– เปิดตัวบริการใหม่เพิ่มเติม โดยลักษณะบริการจะเป็นการส่งด่วนในเขตพื้นที่สำคัญใจกลางเมืองผ่านเครือข่ายรถไฟฟ้าบีทีเอส และเน้นที่พัสดุขนาดเล็กเป็นหลัก
– ขยายร้านสาขาจาก 1,800 แห่งเป็น 2,500 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้ 
– เพิ่มขีดความสามารถของคลังสินค้าในย่านบางนา-ตราดให้รองรับสินค้าได้มากขึ้น โดยปัจจุบัน เคอรี่ เอ็กซ์เพรสมีคลังสินค้าทั้งสิ้น 3 แห่งได้แก่ คลังสินค้าย่านบางนา-ตราด, ปทุมธานี และสมุทรสาคร

นายอเล็กซ์ อึ้ง เผยว่า ที่ผ่านมา บริการในลักษณะของการใช้พนักงานเดินส่งสินค้าเป็นที่นิยมไม่แพ้กันในประเทศอย่างสิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งเป็นไปได้ว่า บริการในลักษณะดังกล่าวก็อาจได้รับความนิยมในเมืองไทยด้วยหากมีการเปิดให้บริการ

รุกตลาด Cross-Border

นอกจากขยายขีดความสามารถในการจัดส่งสินค้าแบบเร่งด่วนในประเทศไทยแล้ว อีกหนึ่งบริการที่คาดว่าจะมีศักยภาพสำหรับบริษัทก็คือบริการแบบ Cross-Border ที่เคอรี่ เอ็กซ์เพรสมองเห็นโอกาสจากการเข้ามาลงทุนของแพลตฟอร์มต่างชาติเช่น JD.com และอาลีบาบา โดยนายอเล็กซ์ กล่าวว่า เคอรี่ เอ็กซ์เพรสมีใบอนุญาตให้สามารถบริหารจัดการสินค้านำเข้า-ส่งออกมาแล้วตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน ทว่า ในขณะนั้นยังไม่ได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจมากนัก ซึ่งตรงข้ามกับสภาพตลาดในปัจจุบันที่แพลตฟอร์มต่างชาติให้ความสนใจกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก จึงคาดว่าบริการแบบ Cross-Border จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ธุรกิจไทยจะสามารถเข้าถึงสินค้าราคาไม่แพงจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้

อย่างไรก็ดี ในภาพรวม นายอเล็กซ์เผยว่ายังคงให้ความสำคัญกับการขยายตลาดภายในประเทศเป็นหลัก

ด้านนายไมเคิล ฉ่อย ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไป สายงานธุรกิจรับส่งพัสดุ เสริมว่า นอกจากตลาดไทย ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์แล้ว เคอรี่เอ็กซ์เพรสยังมีแผนบุกตลาดอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมาร์ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีมูลค่าสูงที่สุดในภูมิภาค โดยนายไมเคิล ฉ่อย ชี้ว่า รูปแบบการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในประเทศอย่างอินโดนีเซียนั้น อาจเลือกเปิดให้บริการในเกาะใหญ่ เช่น เกาะชวา ก่อนเป็นอันดับแรก

Avatar photo