Business

ประกาศใช้พ.ร.ก.คุมเงินดิจิทัล-เก็บภาษี 15%

dii

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศใช้ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนและประชาชน ผู้ประกอบการใดฝ่าฝืนโดนโทษอาญา ปรับและจำคุก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2561 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศพระราชกําหนด (พ.ร.ก.) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 เพื่อให้การกํากับ และการควบคุมการดําเนินกิจกรรม และการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และดําเนินกิจกรรมและการประกอบธุรกิจดังกล่าว มีความโปร่งใส อันจะเป็นประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศและการคุ้มครองผู้ลงทุนและประชาชนที่เกี่ยวข้อง

สาระสำคัญของพ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ประกอบด้วย กำหนดการเสนอขายโทเคนดิจิทัล ที่ออกใหม่ต่อประชาชน ผู้ออกโทเคนดิจิทัลที่ประสงค์จะเสนอขาย ต้องได้รับอนุญาตจากสํานักงาน ก.ล.ต. และให้กระทำได้เฉพาะนิติบุคคลประเภทบริษัทจํากัด หรือบริษัทมหาชนจํากัด

เมื่อปรากฏว่าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมีฐานะทางการเงิน หรือการดําเนินงาน ที่เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือฝ่าฝืนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดไว้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจถูกเพิกถอนการอนุญาต

โดยพ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 มีทั้งหมด 100 มาตรา

พระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๑

ส่วนบทลงโทษทางอาญา ผู้ใดเสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยฝ่าฝืนหรือไม่ได้รับอนุญาต หรือเสนอขาย โดยไม่กระทําผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่าของราคาขายของโทเคนดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย

แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่า500,000บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ผู้ใดเสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000บาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

ผู้ใดแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง ในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่าของราคาขายของโทเคนดิจิทัลทั้งหมดซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่า500,000บาท

ผู้ใดเสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไข ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ เป็นต้น

image1 3

 

ในปัจจุบันได้มีการนําคริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือในการระดมทุนผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน เป็นสื่อกลาง ในการแลกเปลี่ยน รวมถึงนํามาซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนในศูนย์ซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัล แต่ยังไม่มีกฎหมายที่กํากับหรือควบคุมการดําเนินการดังกล่าวในประเทศไทย ซึ่งทําให้มีการประกอบธุรกิจ หรือการดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน ระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเกิดผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง

ดังนั้น เพื่อกําหนดให้มีการกํากับและควบคุมการประกอบธุรกิจและ การดําเนินกิจกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และเพื่อรองรับการนําเทคโนโลยีมาทําให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

อันจะเป็นการสนับสนุนและอํานวยความสะดวกให้ผู้ประกอบธุรกิจที่มีศักยภาพมีเครื่องมือในการระดมทุนที่หลากหลาย รวมทั้งประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลที่ชัดเจนเพียงพอ เพื่อใช้ในการตัดสินใจ เกิดความโปร่งใสในการดําเนินการ และป้องกันมิให้มีการนําสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจน ไปใช้ประโยชน์หรือกระทําการใดในลักษณะที่เป็นการหลอกลวงประชาชน หรือที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชญากรรม และโดยที่เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจําเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจําเป็นต้องตราพระราชกําหนด

ประกาศเก็บภาษี 15% เงินดิจิทัล

วันที่ 13 พฤษภาคม 2561 ราชกิจจานุเบกษา ประกาศพระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19)  พ.ศ.2561 โดยแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร

เพื่อจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินได้พึงประเมิน ที่ได้จากการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัล หรือการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล

สาระสำคัญของ พระราชกําหนด ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 ) เป็นต้นไป

กำหนดให้ เงินส่วนแบ่งของกําไร หรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกันที่ได้จากการถือหรือ ครอบครองโทเคนดิจิทัล   โดยผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน ให้คํานวณหักในอัตรา  15%  ของเงินได้

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกําหนดฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันได้มีการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัล หรือการซื้อขาย หรือแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี หรือโทเคนดิจิทัล ซึ่งเงินได้จากกรณีดังกล่าว เป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องนํามารวมคํานวณเพื่อเสียภาษี

แต่โดยที่ยังไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายเพื่อการจัดเก็บภาษีเงินได้จากคริปโทเคอร์เรนซี หรือโทเคนดิจิทัลเป็นการเฉพาะ เป็นเหตุให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ครบถ้วน ดังนั้น เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในกรณีดังกล่าวเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ

จึงมีความจําเป็นที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรให้เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และโดยที่เป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยภาษีอากร ซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับ เพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน จึงจําเป็นต้องตราพระราชกําหนด

พระราชกําหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๑


Add Friend

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight