“ไพรินทร์” ปัดไม่ยุ่งปมขยายสัมปทานทางด่วนแลกหนี้ 1.37 แสนล้านบาท ชี้เป็นเรื่องภายใน การทางพิเศษฯ ต้องจัดการเอง
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังเดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) วันนี้ (8 มี.ค.) ว่า จากกรณีที่การทางพิเศษฯ หารือกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เพื่อขยายสัมปทานทางพิเศษ (ทางด่วน) แลกกับการล้างหนี้สินจำนวน 1.37 แสนล้านบาทนั้น
ตนคงไม่เข้าไปก้าวก่าย เนื่องจากขณะนี้เป็นกระบวนการภายในของการทางพิเศษฯ จากนั้นการทางพิเศษฯ จึงเสนอมาที่กระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป โดยไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเสนอเข้า ครม. เมื่อใด เพราะเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้ จะส่งมาเมื่อใด ก็เมื่อนั้น
“ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของฝ่ายจัดการและบอร์ด ฝ่ายการเมืองคงเข้าไปก้าวก่ายกิจการของคณะกรรมการไม่ได้ ส่วนการนำกองทุน TFF มาใช้จ่ายหนี้คงไม่น่าจะเป็นไปได้และขัดกับกฎหมาย” นายไพรินทร์กล่าว
เร่งเทงบลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีแรก
นายไพรินทร์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในช่วงเลือกตั้งและกำลังจะมีรัฐบาลใหม่ ทางรัฐบาลจึงเร่งรัดอยู่ประเด็นเดียว คือ ขอให้โครงการต่างๆ มีความก้าวหน้าและเริ่มต้นก่อสร้างได้ เพื่อให้มีงบประมาณใส่เข้าไปในระบบ เนื่องจากคาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เศรษฐกิจมหภาพน่าจะไม่มีความเข้มแข็ง เพราะปัจจัยภาคนอก เงินบาทแข็ง และสงครามการค้า
สำหรับการทางพิเศษฯ ก็มีโครงการก่อสร้างทางด่วนสายพระราม3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร จำนวน 5 สัญญา ราคากลางรวม 30,029 ล้าน ซึ่งกำลังเปิดประมูล คาดว่าจะได้รายชื่อผู้รับเหมาในเดือนพฤษภาคมนี้
นอกจากนี้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กำลังจะส่งผลการศึกษาความเป็นไปได้โครงการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 เฟสที่1 เอกมัย-รามอินทรา-เกษตรนวมินทร์ มาให้การทางพิเศษฯ ในเดือนนี้ จากนั้นจะเสนอให้บอร์ดการทางพิเศษฯ และครม. เห็นชอบตามลำดับ คาดว่าจะต้องมีการปรับแบบและเปิดประมูลหาผู้รับเหมาได้ในปี 2563
ขณะเดียวกัน นายไพรินทร์ได้มอบนโยบายให้การทางพิเศษฯ ยกระดับเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นดี เพราะการทางพิเศษฯ มีความมั่นคงในการประกอบกิจการมาก จึงอยากให้ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านต่างๆ และเลื่อนขึ้นเป็นรัฐวิสาหกิจชั้น 1 ของประเทศภายใน 1-2 ปีข้างหน้า
พนักงานอยากได้คำตอบปมขยายสัมปทาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่นายไพรินทร์ เดินทางมาเข้ามอบนโยบายที่การทางพิเศษฯ ได้มีพนักงานการกลุ่มใหญ่เดินทางมาชุมนุมหน้าห้องประชุม เนื่องจากต้องการขอรับทราบนโยบายและความชัดเจนเรื่องการขยายสัมปทานทางด่วนให้กับเอกชน จากนายไพรินทร์
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อนุญาตให้พนักงานการทางพิเศษฯ เข้าไปในห้องประชุมประมาณ 20 คนเท่านั้น เพื่อรับฟังนโยบายและซักถามกับนายไพรินทร์
